สมาคมหมู ระบุหมูเป็นราคาตกเหตุการบริโภคลด ชี้เกษตรกรหวั่นหมูสหรัฐฯตีตลาดเริ่มทยอยเลิกเลี้ยง

พุธ ๒๕ ตุลาคม ๒๐๑๗ ๑๑:๓๐
นายนิพัฒน์ เนื้อนิ่ม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูกำลังประสบปัญหาราคาหมูตกต่ำ ราคาประกาศหมูเป็นหน้าฟาร์มลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 แล้ว ปัจจุบันราคาซื้อขายราคา 44-45 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยสูงถึงประมาณ 55 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว เป็นผลจากหลายปัจจัย อาทิ กำลังการบริโภคตกต่ำ กำลังซื้อของผู้บริโภคถดถอยลงไปมาก เมื่อปริมาณผลผลิตไม่สมดุลต่อการบริโภคปริมาณหมูจึงล้นตลาด และปริมาณหมูที่สะสมมากทำให้เกษตรกรจำเป็นต้องขายในราคาต่ำ

ประกอบกับทั่วประเทศยังมีปริมาณฝนตกชุกหนาแน่น ส่งผลให้เกษตรในหลายพื้นที่ต้องเร่งระบายหมูออกสู่ตลาดเพื่อลดความเสี่ยงกับภาวะน้ำท่วม ขณะเดียวกันปัจจุบันยังเป็นช่วงเทศกาลกินเจ ทำให้การบริโภคเนื้อหมูต่ำลงอย่างชัดเจน บวกกับผู้เลี้ยงเกิดความตระหนกเกี่ยวกับหมูสหรัฐอเมริกา ที่ภาครัฐมีแนวโน้มจะเปิดรับการนำเข้าเนื้อหมูสหรัฐฯที่ใช้สารเร่งเนื้อแดง ทำให้เกษตรกรทยอยเลิกเลี้ยงเพื่อหนีปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะเกษตรกรรายย่อยและรายกลางที่ไม่สามารถแข่งขันด้านตลาดได้อย่างแน่นอน

"ราคาหมูตอนนี้ลดต่ำลงจนไม่คุ้มทุนแล้ว เกษตรกรจำเป็นต้องขายหมูขาดทุนผูกหางหมู 1,000 บาทต่อตัว แต่ก็ต้องยอมแบกรับภาระเพราะต้องการประคับประคองอาชีพนี้ต่อไปและไม่อยากให้กระทบต่อผู้บริโภค วันนี้ปริมาณการผลิตหมูมากขึ้นจากช่วงที่ผ่านมาที่ราคาหมูค่อนข้างดีจูงใจให้ผู้เลี้ยงเพิ่มปริมาณการเลี้ยง ขณะที่ภาครัฐก็ส่งเสริมให้เกษตรกรมีอาชีพหมุนเวียนทั้งการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ด้วยการสนับสนุนงบประมาณผ่านตำบล เพื่อจัดซื้อเมล็ดพันธุ์ ลูกไก่ ลูกหมูให้ประชาชน ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มปริมาณหมูในวงจรตลาดอีก" นายนิพัฒน์ กล่าว

นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดราชบุรี กล่าวถึงกระแสสหรัฐอเมริกากดดันให้ไทยเปิดนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐฯว่า เรื่องนี้มีผลทางจิตวิทยาทั้งต่อผู้บริโภคและเกษตรกรผู้เลี้ยง โดยผู้บริโภคเกิดความกังวลในความปลอดภัยในอาหาร เนื่องจากหมูสหรัฐฯใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงขณะที่อุตสาหกรรมหมูไทยไม่มีการใช้สารดังกล่าว ด้านเกษตรกรผู้เลี้ยงก็มีความวิตกว่าหมูสหรัฐฯที่มีต้นทุนต่ำกว่าและมีราคาถูกกว่าจะเข้ามาตีตลาดหมูไทย และอาจเดินซ้ำรอยผู้เลี้ยงหมูเวียดนามที่ก่อนหน้านี้ยอมให้เนื้อหมูสหรัฐฯเข้าไปทำตลาดเนื้อหมูอย่างเสรี ทำให้ผู้เลี้ยงรายย่อยรายกลางขาดทุนไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ จนเกษตรกรเวียดนามหลายรายตัดสินใจเลิกเลี้ยงหมูในที่สุด

"สิ่งที่กังวลที่สุดในตอนนี้คือ หากเกษตรกรไม่สามารถแบกรับภาวะขาดทุนได้แล้วพากันเลิกเลี้ยงหมู ย่อมส่งผลต่อราคาขายในประเทศซึ่งผู้เลี้ยงไม่อยากให้เกิดขึ้น ดังนั้นเกษตรกรต้องมีการวางแผนการเลี้ยงอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันหมูล้นตลาด ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน พร้อมรณรงค์การบริโภคมากขึ้น ที่สำคัญในภาวะที่ราคาหน้าฟาร์มลดเช่นนี้ ผู้บริโภคควรต้องได้รับประโยชน์โดยตรง ภาครัฐจึงต้องเข้มงวดกับผู้ค้าเขียงที่ไม่ปรับลดราคาตามหมูเป็น ซึ่งทำให้ผู้บริโภคเลือกเนื้อสัตว์ชนิดอื่นแทน ยิ่งเป็นการตอกย้ำปัญหามากขึ้น" นายนิพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘:๐๑ วช. ขับเคลื่อนงานวิจัยเชิงพื้นที่ 'ประเทศไทยปลอดภัยจาก PM2.5' มุ่งลดฝุ่นพิษภาคเหนืออย่างยั่งยืน
๑๘:๐๘ TKS จัดประชุมผู้ถือหุ้นปี 2568 ไฟเขียวจ่ายปันผลอีก 0.33 บ./หุ้น
๑๘:๔๙ STECH จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 แจกปันผลเป็นเงินสดหุ้นละ 0.034 บาท
๑๘:๒๒ SGP จัดประชุมผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติเคาะปันผลครึ่งปีหลัง 0.20 บาท/หุ้น
๑๘:๐๖ ผู้ถือหุ้น FLOYD พร้อมใจเห็นชอบ ไฟเขียวทุกวาระ อนุมัติจ่ายปันผล 0.08 บาท/หุ้น
๑๘:๑๑ TEKA จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 พร้อมไฟเขียวจ่ายปันผล 0.155 บาท
๑๘:๒๓ BRR จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2568 ผู้ถือหุ้นเคาะจ่ายปันผล 0.50 บาท/หุ้น
๑๘:๓๘ กลุ่มเหล็กรุ่นใหม่ เข้าพบ 'เอกนัฏ' ประสานเสียงให้กำลังใจ ดันยกเลิกเหล็ก IF กันเหล็กนำเข้าไร้มาตรฐาน
๑๘:๑๘ ดั๊บเบิ้ล เอ จับมือ เอเชีย เอรา วัน และกรมป่าไม้ จัดกิจกรรมรักษ์โลก สร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
๑๗:๒๘ LPH ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห. ไฟเขียวจ่ายปันผลอีก 0.10 บ./หุ้น