โครงการมากมายที่มูลนิธิพีซีเอสได้สร้างประโยชน์เพื่อสังคมโดยรวม อาทิ การสนับสนุนงบประมาณ ในการปรับปรุงพื้นที่ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย การเนรมิตงานวันเด็กในทุกๆ ปี แก่ผู้ป่วยเด็กที่มีความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ การสร้างห้องสุขาแก่โรงเรียนที่ขาดแคลนงบประมาณ และในครั้งนี้ก็ได้จัดกิจกรรม "มอบสวนสวย แต้มสีสันให้โรงเรียนน่าอยู่" ในโครงการจิตอาสาร่วมพัฒนาปรับปรุงโรงเรียนที่ขาดแคลน ณ โรงเรียนบ้านพาดหมอน อ.สามพราน จ. นครปฐม นับเป็นการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยเปลี่ยนพื้นที่รกร้างของโรงเรียนให้เป็นสวนหย่อม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งเรียนรู้สำหรับเด็กๆ พร้อมทาสีบริเวณโดยรอบเพื่อเพิ่มสีสันให้เป็นโรงเรียนน่าอยู่
นางแฮตเตอร์ สุขเกษม ประธานกรรมการมูลนิธิพีซีเอส เพื่อการพัฒนาสังคมในประเทศไทยกล่าวว่า "โรงเรียนบ้านพาดหมอน ถือเป็นอีกหนึ่งโรงเรียนที่ขาดแคลนเกือบทุกด้าน ปัจจุบันมีนักเรียนระดับประถมศึกษา รวมเด็กก่อนวัยเรียนในศูนย์เด็กเล็กของโรงเรียนรวมกว่า 100 คน เพราะนักเรียนส่วนใหญ่คือลูกชาวสวน ที่ผู้ปกครองต้องหารายได้จากการเป็นลูกจ้างในสวน โรงเรียนจึงเป็นทุกอย่างของชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียง รวมแล้วประมาณ 3 - 4 หมู่บ้าน ทางมูลนิธิพีซีเอสจึงในสนับสนุนส่งเสริมด้านพัฒนาการของเด็กๆ ทั้งการสร้างสวนหย่อมให้เป็นที่พักผ่อนของเด็กและคนในชุมชน การทาสีอุปกรณ์สนามเด็กเล่น และพื้นที่โดยรอบเพื่อสร้างสีสันให้โรงเรียนน่าอยู่ เพราะโรงเรียนแห่งนี้ เปิดมากว่า 80 ปีแล้วก็ย่อมจะทรุดโทรม ทางมูลนิธิพีซีเอสจึงต้องการที่จะช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง และในครั้งต่อไปก็จะเป็นการซ่อมแซมโรงเรียนในส่วนที่ชำรุด
เพราะเราเชื่อว่าประเทศจะพัฒนาได้ย่อมมาจากประชาชนที่มีคุณภาพ ก่อนที่เป็นคนมีคุณภาพก็ต้องมีการศึกษาที่ดีเป็นพื้นฐาน การศึกษาที่ดีหมายถึงการได้รับการศึกษาที่ทั่วถึงทุกพื้นที่ ไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะอยู่ในสถานภาพใด มูลนิธิพีซีเอสจึงให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพชีวิตที่ดีของเด็กในวัยเรียนเพื่อที่จะก้าวไปเป็นคนดีในสังคม และแม้ตัวดิฉันเองจะไม่ใช่คนไทยแต่อยู่บนผืนดินของไทยมานานและรักประเทศไทย จึงขอพูดแทนพนักงานในเครือโอซีเอสกว่า 30,000 คน ว่าในทุกโครงการและทุกกิจกรรมที่ทำมาเราก็จะทำอย่างต่อเนื่อง พร้อมโครงการใหม่ๆ เพื่อการพัฒนาสังคมไทยอย่างยั่งยืนต่อไป และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช" นางแฮตเตอร์ กล่าวทิ้งท้าย