อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า พระองค์ยังคงสถิตในดวงใจปวงชนชาวไทยตราบนิรันดร์ ยังทรงเป็นกำลังใจให้พวกเราได้ฟันฝ่าอุปสรรคพร้อมต่อสู้กับทุกปัญหาในการดำเนินชีวิต ดังนั้น นับจากนี้ จึงอยากขอให้พวกเรามองไปข้างหน้าที่จะช่วยให้เกิดพลังใจและความหวังในการก้าวผ่านความโศกเศร้าและวิกฤติต่างๆ ไปได้อย่างรวดเร็ว ช่วยทำให้เราฮึดขึ้นมาได้ เพียงเชื่อมั่นว่า ทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และในยามนี้พวกเราก็ยังมีความหวังและกำลังใจที่ดีจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่จะร่วมสืบทอดพระราชปณิธานของในหลวง รัชกาลที่ 9 ต่อไป
"หากเราทุกคนมองย้อนกลับไป ในวันที่พระองค์ท่านเคยสูญเสีย พระองค์ท่านยังทรงทุ่มเทพระวรกายอย่างเต็มที่ เพื่อพวกเรา ปวงชนชาวไทย พระองค์จึงทรงเป็นแบบอย่างความเข้มแข็งทางจิตใจอย่างเห็นได้ชัด และทรงเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับพวกเราในทุกๆ ด้าน การมุ่งมั่นที่จะสืบทอดสิ่งดีงามตลอด 70 ปี ของพระองค์ เช่น การปฏิบัติตนเป็นคนดี การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง มีความอดทน รู้รักสามัคคี ใฝ่หาความรู้ ไม่ท้อถอย ดังที่พระองค์สอนพวกเราด้วยการกระทำมาโดยตลอด หากน้อมนำมาปฏิบัติ ย่อมทำให้พวกเรามีความสุข ความเจริญ และประสบผลสำเร็จ เมื่อใดก็ตามที่พระองค์ทรงมองกลับลงมา แล้วได้เห็นการดำเนินชีวิตของพวกเราเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น พระองค์ย่อมมีความสุขเช่นกัน"
อย่างไรก็ตาม หากพี่น้องประชาชนหรือบุคคลรอบข้างยังคงรู้สึกเศร้า หดหู่ มีอาการวูบวาบ หายใจไม่อิ่ม ใจสั่น นอนไม่หลับ จน ทำงานไม่ได้ ขอให้ไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือปรึกษาอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโทรปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323ได้ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว