นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมบริเวณอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ในช่วงวันที่ 31 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2560 ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นกับฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และลมกระโชกแรง ซึ่งกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ประสานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ เขต 11 สุราษฎร์ธานี เขต 12 สงขลา และเขต 18 ภูเก็ต เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมาก ในช่วงวันที่ 31 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2560 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำและสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงจัดเตรียมสรรพกำลัง วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ทั้งนี้ กอปภ.ก.ได้ร่วมกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สสนก. จัดเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญและหน่วยเผชิญเหตุ พร้อมทรัพยากรและเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย เข้าประจำ ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันนี้ (30 ตค.60) โดยปฏิบัติการติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนัก และเตรียมพร้อมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.60 เป็นต้นไป นอกจากนี้ กอปภ.ก. ได้กำชับให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ประสานข้อมูลด้านสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และปริมาณฝนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการในการป้องกัน แก้ไขปัญหา และให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ได้ทันต่อสถานการณ์ ทั้งนี้ กำชับให้จังหวัดดำเนินการตามแผนปฏิบัติการ/แผนเผชิญหตุแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอย่างเป็นระบบ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสถานการณ์น้ำ ปริมาณน้ำ สถานการณ์ฝนพื้นที่ในอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำของภาครัฐอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
- ๖ พ.ย. วว ร่วมกับ สสน./สทนช. พัฒนาผลผลิตการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่าจากน้ำของชุมชน มุ่งเสริมสร้างขีดความสามารถการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระดับลุ่มน้ำ
- ๖ พ.ย. วว. ผนึกกำลัง สทนช. - สสน. พัฒนาผลผลิตเกษตร ผลิตภาพน้ำชุมชน สู่ระดับมาตรฐานสากล
- พ.ย. ๒๕๖๗ อว. เดินหน้าขับเคลื่อนแนวพระราชดำริด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม