วันที่ 31 ตุลาคม 2560 บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ได้ลงนามในสัญญาแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน และแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจบริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับ บมจ.แอ็พพลาย ดีบี กำหนดราคาเสนอหุ้น IPO ที่ราคาหุ้นละ 1.69 บาท โดยจะเปิดให้ประชาชนจองซื้อระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2560 และคาดว่าจะนำหลักทรัพย์ของ ADB เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้
สำหรับ บมจ.แอ็พพลาย ดีบี เป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาวและยาแนว และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ เพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มลูกค้าที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ อาเซียน ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรป อเมริกาใต้ ทั้งภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ และตราสินค้าของลูกค้าชั้นนำซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับสากล โดยจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 180 ล้านหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ไปซื้อเครื่องมือ เครื่องจักรและอุปกรณ์ผลิตสินค้าเพื่อขยายธุรกิจในอนาคต ชำระเงินกู้จากสถาบันการเงิน ใช้ลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
นายหวัง วนาไพรสณฑ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB ผู้นำผลิตภัณฑ์กาวและยาแนว และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ กล่าวว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการติดตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงความต้องการผลิตภัณฑ์ในตลาดอยู่เสมอ และมุ่งมั่นศึกษาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ภายใต้ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนธุรกิจที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาวและยาแนว ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีและแนวโน้มการขยายตัวสูง รวมถึงมองหาโอกาสการพัฒนาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เพื่อสร้างความแตกต่างและการเติบโตที่มั่นคง
ปัจจุบันบริษัทฯ มีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์ยาแนว (Adhesive and Sealant) ประกอบด้วย 1.ผลิตภัณฑ์กาวชนิดต่างๆ เพื่อใช้ยึดติดวัสดุ อาทิ กาวยาง กาวกร๊าฟท์หรือกาวขาว กาวแทนตะปู และกาวซูเปอร์กลู และ 2.ผลิตภัณฑ์ยาแนว แบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์อะคริลิกยาแนวสำหรับอุดรอยต่อที่มีความยืดหยุ่นน้อยและคงทนต่อสภาพแวดล้อมต่ำ และผลิตภัณฑ์ซิลิโคนยาแนวสำหรับอุดรอยต่อที่มีความยืดหยุ่นและคงทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมสูง โดยมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและผลิตภัณฑ์ยาแนว ที่จำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ เช่น แบรนด์ ADB DB SPARKO DAI-I-CHI และ OMAKU และผลิตภัณฑ์ที่รับจ้างผลิต (OEM) ให้แก่เจ้าของตราสินค้าชั้นนำในระดับสากล นอกจากนี้ ยังผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมที่ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์กาวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพยึดติดวัสดุและเสริมศักยภาพของกาว ได้แก่ น้ำยารองพื้น ทินเนอร์ และสารทำให้แข็ง
และกลุ่มที่ 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ (Plastic compound) ประกอบด้วย 1.ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกพีวีซี (PVC compound) ที่นำไปใช้ในอุตสาหกรรมสายไฟและสายเคเบิ้ล และแบบแข็งซึ่งนำไปขึ้นรูปเพื่อผลิตขอบคิ้วเฟอร์นิเจอร์ ฟิล์มฉลากบรรจุภัณฑ์ต่างๆ และข้อต่อท่อพีวีซี 2.เส้นใยสังเคราะห์โพลีโพรพิลีน นำไปแปรรูปและถูกใช้เป็นฟิลเลอร์ร่วมกับเม็ดพลาสติกในกระบวนการผลิตสายไฟและสายเคเบิ้ล และ 3.เม็ดเทอร์โมพลาสติกอิลาสโตเมอร์ สามารถนำไปขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปตามความต้องการลูกค้า ได้แก่ พื้นรองเท้า
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADB กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งเน้นพัฒนานวัตกรรมที่มีอัตรากำไรที่ดีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงการลดต้นทุนการผลิต โดยใช้จุดแข็งของทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่มีประสบการณ์ร่วมงานกับ ADB มากว่า 12 ปี พร้อมทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด จึงสามารถวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเฉพาะราย โดยนำความรู้ที่ได้จากการศึกษาคู่ค้าทั้งในและต่างประเทศมาประยุกต์ใช้ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอันเป็นเอกลักษณ์สำคัญ ทำให้บริษัทฯ มีความสามารถในเชิงการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เชื่อมั่นว่ามีศักยภาพในการผลิตสินค้าที่ดีและมีความหลากหลาย สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ และมีทีมงานฝ่ายขายที่คอยให้คำแนะนำแก่ลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย จึงทำให้บริษัทฯ มีความได้เปรียบเหนือคู่แข่งทั้งในแง่ของการพัฒนาสินค้าและการขยายตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADB กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการลงทุนนั้น ปัจจุบัน ADB อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในจังหวัดสมุทรปราการ คาดว่าใช้งบลงทุนรวม 230 ล้านบาท เพื่อผลิตสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์กาวและยาแนวรองรับแผนขยายฐานลูกค้าใหม่ แบ่งเป็นการผลิตสินค้าใหม่ ได้แก่ 1.ซิลิโคนยาแนว และ 2.โมดิฟายซิลิโคนพอลิเมอร์สำหรับยาแนว และเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าที่มีในปัจจุบัน ได้แก่ 1.อะคริลิกยาแนว และ 2.กาวแทนตะปู โดยผลิตภัณฑ์ยาแนวถือว่ามีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตให้แก่บริษัทฯ คาดว่าโรงงานแห่งใหม่จะเริ่มผลิตและจำหน่ายสินค้าเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/61 และจะผลิตอย่างเต็มประสิทธิภาพ (Full capacity) ได้ในปี 2563 ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ทั้ง 4 ชนิดดังกล่าว มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 13,590 ตันต่อปี
ขณะเดียวกัน ADB อยู่ระหว่างดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกคอมปาวด์ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกพีวีซีเพื่ออุตสาหกรรมการแพทย์ รองรับเทรนด์การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ ช่วยสร้างเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกฮาโลเจนฟรีเพื่อใช้ผลิตสายไฟที่ก่อให้เกิดควันและสารพิษต่ำเมื่อถูกไฟไหม้ ตอบสนองความต้องการใช้งานผลิตภัณฑ์จากพลาสติกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม