กระทรวงเกษตรฯ เตือนเกษตรกรเฝ้าระวังสุขภาพสัตว์บก-สัตว์น้ำ ช่วงเข้าฤดูหนาว พร้อมแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคในสัตว์ หากพบสัตว์ป่วยควรแยกกักสัตว์และแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

ศุกร์ ๐๓ พฤศจิกายน ๒๐๑๗ ๑๔:๐๖
นายสรวิศ ธานีโต โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายพื้นที่ของประเทศไทยในได้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจากฤดูฝนย่างเข้าสู่ฤดูหนาว โดยจะมีฝนตกหนักสลับกับอากาศร้อนในตอนกลางวัน และบางแห่งเริ่มมีอากาศหนาวในช่วงเช้า ทำให้อุณหภูมิในรอบวันเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์ของเกษตรกรที่เลี้ยงไว้ได้ โดยอาจเกิดอาการเครียดและกินอาหารน้อยลง ความแข็งแรงและความทนทานต่อโรคลดต่ำลง ทำให้สัตว์อ่อนแอ และติดโรคได้ง่าย ทั้งนี้ โรคที่มักเกิดในช่วงปลายฝนต้นหนาวซึ่งมีความรุนแรงและส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ได้แก่ โรคอียูเอส และโรคดวงขาว หรือ ตัวแดงดวงขาว และโรคที่มักเกิดกับสัตว์บก ได้แก่ โรคทางเดินหายใจ ปอดบวม หลอดลมอักเสบ เป็นต้น

นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคอียูเอส (Epizootic Ulcerative Syndrome; EUS) หรือที่รู้จักกันในชื่อของ "โรคระบาดปลา" ซึ่งเกิดจากเชื้อราAphanomyces invadans จะทำให้ปลาที่ป่วยเป็นโรคนี้มีแผลลึกตามตัวและส่วนหัว โดยแผลจะมีลักษณะของเส้นใยเชื้อราฝังอยู่ สามารถพบได้ในปลาหลายชนิดทั้งที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติและที่เลี้ยงในบ่อดิน เช่น ปลาช่อน ปลาตะเพียน ปลากระสูบ ปลาหมอ เป็นต้น เชื้อโรคชนิดนี้เจริญได้ดีที่อุณหภูมิ 20-30 องศาเซลเซียส และสามารถระบาดจากฟาร์มหนึ่งไปยังอีกฟาร์มหนึ่งจากการใช้แหล่งน้ำร่วมกัน ดังนั้น เกษตรกรจึงควรป้องกันการเกิดโรคอียูเอสในปลา ดังนี้

1. หากพบปลาป่วยเป็นโรคอียูเอสในแหล่งน้ำธรรมชาติ ควรรีบตักปลาป่วยและปลาตายขึ้นไปฝังกลบหรือเผาทำลาย และงดการนำน้ำจากแหล่งนั้นมาเติมเข้าบ่อโดยทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่เข้าสู่บ่อ

2. ในระหว่างที่ไม่มีการเติมน้ำเข้าบ่อ จำเป็นต้องลดปริมาณอาหารที่ให้แก่ปลา เพื่อป้องกันน้ำเน่าเสีย

3. ควบคุมคุณภาพน้ำในบ่อโดยใส่ปูนขาวในอัตรา 60-100 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับบ่อที่มีระดับน้ำลึก 1 เมตร และอาจจะต้องสาดปูนขาวซ้ำอีกในอัตราเดียวกันทุก ๆ 3-4สัปดาห์

4. กรณีที่น้ำในบ่อเริ่มเน่าเสียโดยมีแก๊สผุดขึ้นมาจากพื้นบ่อ ให้สาดเกลือบริเวณที่มีแก๊สประมาณ 200-300 กิโลกรัมต่อไร่ สำหรับบ่อที่มีระดับน้ำลึก 1 เมตร

5. เมื่อพบว่าปลาในธรรมชาติหายป่วยแล้ว และอุณหภูมิของน้ำเข้าสู่สภาวะปกติหรือสิ้นสุดฤดูหนาวแล้ว จึงทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำ และเพิ่มปริมาณอาหารที่ให้แก่ปลาได้ตามปกติ

6. กรณีที่เกิดโรคขึ้นแล้วในบ่อเลี้ยง จะต้องรักษาสภาพแวดล้อมในบ่อไม่ให้แย่ไปกว่าเดิม และป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายออกสู่ภายนอกโดยไม่ถ่ายน้ำออกไปข้างนอก เก็บปลาที่ตายหรือป่วยใกล้ตายออก และทำลายทิ้งโดยการฝังหรือเผางดอาหารหรือลดปริมาณอาหารลง และสาดปูนขาวเพื่อควบคุมคุณภาพน้ำในบ่อ

นอกจากนี้ โรคดวงขาว (White spot disease; WSD) ซึ่งเกิดจากเชื้อ White spot syndrome virus (WSSV) ก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่เกษตรกรควรเฝ้าระวัง โดยโรคนี้มักจะเกิดกับกุ้งทะเล เช่น กุ้งขาว และกุ้งกุลาดำ โดยกุ้งที่มีอาการป่วยจะกินอาหารลดลง เคลื่อนไหวเชื่องช้า ว่ายตามผิวน้ำ หรือเกาะขอบบ่อ และจะมีจุดขาวตามเปลือกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 - 2 มิลลิเมตร หรืออาจจะไม่พบจุดขาวก็ได้ ความรุนแรงของโรคดวงขาวจะเพิ่มขึ้นในช่วงที่อุณหภูมิของน้ำต่ำ คือ ช่วงปลายปีจนถึงต้นปีและฤดูมรสุมที่มีฝนตกติดต่อกันนานๆ สำหรับวิธีป้องกันโรคดังกล่าว สามารถทำได้ ดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการเลี้ยงกุ้งในช่วงที่อุณหภูมิต่ำ หรือลดปริมาณการเลี้ยงในช่วงเวลาดังกล่าว

2. คัดเลือกลูกกุ้งที่แข็งแรงมีคุณภาพ ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่ติดเชื้อ WSSV

3. ลดความหนาแน่นในการเลี้ยงลง

4. เพิ่มมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพภายในฟาร์ม เช่น มีการฆ่าเชื้อในน้ำที่ใช้เลี้ยงกุ้งเพื่อกำจัดหรือทำลายเชื้อโรคหรือพาหะของโรค การทำความสะอาดฆ่าเชื้อที่อาจติดมากับบุคคลที่เข้าออกฟาร์มและวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในฟาร์ม และการล้อมตาข่ายเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์พาหะ เช่น กุ้ง ปู นกเข้ามาบริเวณบ่อเลี้ยงกุ้ง

5. จัดการคุณภาพน้ำให้เหมาะสม และมีการจัดการพื้นบ่อที่ดีเพื่อลดการสะสมของสารอินทรีย์

ด้านนายสัตวแพทย์อภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า สำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ เป็ด ไก่ แพะ แกะ หรือ สุนัข แมว ที่ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก ทำให้สัตว์มีสุขภาพที่อ่อนแอลง ก่อให้เกิดโรคระบาดในสัตว์ได้ง่าย โดยเฉพาะโค-กระบือที่มักเกิดโรคทางเดินหายใจ ปอดบวม หลอดลมอักเสบ ส่วนสัตว์ปีก อาทิ ไก่ เป็ด ก็มักจะเกิดโรคอหิวาต์ หรือนิวคลาสเซิล ซึ่งเป็นโรคระบาดที่มีความสำคัญมาก เพราะมีการระบาดติดต่อกันอย่างรวดเร็ว และทำให้ไก่ตายเป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงขอแนะนำให้เกษตรกรป้องกันโรคระบาดสัตว์ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรค การให้ยาและวิตามินเสริม การดูแลรักษาความสะอาดของโรงเรือนให้สะอาดและให้ความอบอุ่นเช่นฝากันลมหนาว หรือสุมไฟเพิ่มความอบอุ่น นอกจากนี้การป้องกันมิให้สัตว์อื่นเข้าในโรงเรือน การให้อาหารที่ดีและมีคุณภาพดีจะสามารถช่วยลดการเกิดโรคได้

ทั้งนี้ เกษตรกรควรหมั่นสังเกตและดูแลสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม หากพบว่าป่วยเป็นโรค ให้รีบแยกกักสัตว์ป่วย และแจ้งเจ้าหน้าที่ประมงจังหวัด หรือเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ เพื่อเข้าควบคุมโรคและรักษาโรค และหากมีสัตว์เลี้ยงตายในฟาร์มให้เกษตรกรรีบนำสัตว์เลี้ยงไปทำลายด้วยการเผาหรือฝัง เพื่อป้องการระบาดของโรคไปสู่สัตว์อื่น เพราะหากเกิดโรคระบาดสัตว์จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ภายในประเทศ และก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจหากเกิดการระบาดจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version