คุณนฤภัทร อมรโฆษิต เลขาธิการสำนักงาน กกพ. ในฐานะรองโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้มีมติรับรองและประกาศผลรายชื่อผู้ผ่านการพิจารณาคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้า และมีสิทธิเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย โครงการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (โซลาร์ฟาร์ม) สำหรับหน่วยราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร เฟสสอง แล้ว โดยมีผู้ที่ผ่านการพิจารณาทั้งสิ้นจำนวน 35 ราย คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 154.52 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น หน่วยงานราชการ 11 ราย กำลังการผลิตรวม 52.52 เมกะวัตต์ และสหกรณ์ภาคการเกษตร 24 ราย กำลัง การผลิตรวม 102 เมกะวัตต์
"สำหรับขั้นตอนต่อไป เจ้าของโครงการหรือผู้สนับสนุนโครงการ จะเข้าสู่กระบวนการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย (กฟภ. หรือ กฟน.) ภายใน 120 วันนับจากวันที่ประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านการพิจารณา (ภายในวันที่ 2 มีนาคม 2561) กับภายใต้อายุสัญญา 25 ปี และได้รับอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่ 4.12 บาทต่อหน่วย โดยต้องพร้อมจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) ให้ทันภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2561 ทั้งนี้ หากไม่เข้าทำสัญญาภายในระยะเวลาที่กำหนดให้ถือว่าคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้าเป็นอันยกเลิก" คุณนฤภัทร กล่าว
ที่ผ่านมา (เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 60) สำนักงาน กกพ. ได้ดำเนินการจับสลากเพื่อคัดเลือกผู้ที่ประสงค์จะเป็นเจ้าของโครงการที่ผ่านการตรวจคุณสมบัติไป พร้อมกับได้ประกาศผลจับสลากอย่างเป็นทางการไปแล้ว ซึ่งมีผู้ที่จับสลากและได้รับคัดเลือกในการยื่นคำข้อเสนอขอขายไฟฟ้าในขั้นตอนที่สอง รวมจำนวน 38 ราย หรือคิดเป็นปริมาณการเสนอขายไฟฟ้ารวมทุกพื้นที่ 171.52 เมกะวัตต์
คุณนฤภัทร กล่าวถึง "สำหรับผู้ไม่ผ่านการพิจารณาคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้า จำนวน 3 รายนั้น จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่ได้ยื่นมา พบว่า เอกสารหลักฐานขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและไม่ตรงตามคุณสมบัติของหลักเกณฑ์ในประกาศ ซึ่งผู้ไม่ผ่านการพิจารณาสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วันนับถัดจากวันที่มีประกาศ ทั้งนี้ ในส่วนจำนวนเมกะวัตต์ที่เหลือจากเป้าหมาย ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 2/2560 (ครั้งที่ 12) เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2560 ได้เห็นชอบยุติการรับซื้อไฟฟ้าตามโครงการโซลาร์ฟาร์ม ในเฟสสอง เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว"