นายทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii เปิดเผยว่า "บริษัทฯ มีความยินดีที่จะรายงานผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง โดย บริษัทฯมีรายได้รวม 1,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้น 414 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 45% เป็น 110 ล้านบาทจากกำไรสุทธิ 76 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน อนึ่งอัตรากำไรขั้นต้นได้ปรับตัวดีขึ้นจาก 23% เป็น 25% และ อัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้น 40% จาก 5% เป็น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย อีกทั้งยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นอีกด้วย "
ทั้งนี้ ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย ถือเป็นกลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้บริษัทฯ โดยธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศมีสัดส่วนรายได้กว่า 70% ของรายได้รวมทั้งหมดของบริษัทฯ โดยมีรายได้รวม 9 เดือนปี 2560 เท่ากับ 1,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้นของงวด 9 เดือนปี 2560 เท่ากับ 272 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 89 ล้านบาท เติบโตถึง 48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับรายได้ของกลุ่มธุรกิจที่เติบโตขึ้นสำหรับกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย นับเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักของบริษัทฯ ที่มีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีรายได้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 22% ของรายได้รวมทั้งหมดของบริษัทฯ โดยมีรายได้สำหรับงวด 9 เดือนปี 2560 เท่ากับ 404 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66 ล้านบาทหรือคิดเป็น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรขั้นต้นงวด 9 เดือนปี 2560 เท่ากับ 107 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของการบริการจัดการขนส่งสินค้าทางทะเล และบริการรับฝากเก็บสินค้าและจัดการสินค้าคงคลังสำหรับกลุ่มเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย ซึ่งมีปริมาณลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนและรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ ส่วนธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเล มีรายได้สำหรับงวด 9 เดือนปี 2560 เท่ากับ 60 ล้านบาท และธุรกิจการบริหารจัดการโลจิสติกส์มีรายได้สำหรับงวด 9 เดือนปี 2560 เท่ากับ 77 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2560 บริษัทฯมีรายได้รวม 534 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากรายได้รวมในช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรขั้นต้นปรับขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 26 ล้านบาท (ซึ่งได้หักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จำนวน 7 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นครั้งเดียว) เพิ่มขึ้น 2% จากกำไรสุทธิ 25 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย
นายทิพย์ กล่าวต่อว่า " การที่บริษัทฯมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างน่าพอใจ เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ที่ครบวงจร มีบริการที่หลากหลาย สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี อีกทั้งโดยปกติแล้วในช่วงปลายปี ถือเป็นฤดูการส่งออกของผู้ประกอบการอยู่แล้ว จึงทำให้ผลประกอบการเติบโตมาก บริษัทฯมีแผนที่จะขยายธุรกิจใหม่ นั่นคือการบริหารคลังสินค้า ซึ่งจะเปิดแห่งแรกที่ท่าอากาศยานดอนเมืองปลายปีนี้ คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เต็มที่ในปี 2561 โดยการขยายธุรกิจนี้ ถือเป็นการเพิ่มความสมดุลของรายได้ให้กับธุรกิจ ทำให้ธุรกิจมีความแข็งแกร่ง พร้อมต่อการรองรับการขยายตัวในภาคโลจิสติกส์ของประเทศไทย การขยายตัวของภาคส่งออก โครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก อีกทั้งกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซนั้น ถือเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯเป็นอย่างมาก จากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งจากลูกค้าเก่าที่ใช้บริการอยู่แล้ว แต่เพิ่มบริการอื่นๆเข้าไป และลูกค้าใหม่ๆ อย่างไรก็ดี การที่บริษัทฯมีผลกำไรเติบโตขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้นด้วย "
บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ iii เป็นผู้นำในการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรซึ่งครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1.การขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Freight) 2.การขนส่งสินค้าทางทะเลและทางบก (Sea Freight and Inland Transport) 3.การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ การบริหารคลังสินค้า และการกระจายสินค้า (Logistics Management) และ 4.โลจิสติกส์ครบวงจรสำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย (Chemical & Specialty Logistics) โดยบริษัทฯ ก่อตั้งมากว่า 25 ปี มีบริษัทในเครือทั้งหมด 24 บริษัทและมีฐานลูกค้าเป็นบริษัทฯมหาชน บริษัทฯข้ามชาติ และบริษัทฯไทยจำนวนมาก