นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E ผู้นำในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายโคมไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างรายใหญ่ของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2560 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีงานโครงการเลื่อนการรับรู้รายได้มาเป็นช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจมีทิศทางดีขึ้น ทำให้ภาครัฐและเอกชนมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ราว 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ปีนี้กว่า 50%
สำหรับผลประกอบการประจำไตรมาส 3/2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 675 บาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 9% เนื่องจากงานโครงการได้ปรับตัวลดลง 12% งานโครงการลดลงเหลือ 462 ล้านบาท สาเหตุหลักมีงานโครงการมูลค่าประมาณ 80 ล้านบาท ต้องเลื่อนการรับรู้รายได้ออกไปเป็นไตรมาส 4/2560 เนื่องจากลูกค้าเพิ่งเซ็นรับมอบงานต้นไตรมาส 4 รวมทั้งมีหลายโครงการมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ต้องเลื่อนการส่งมอบงานไปเป็นไตรมาสที่ 4 หรือต้นปี 2561 ส่วนงานค้าส่ง ค้าปลีกลดลง 3% เหลือ 175 ล้านบาท เป็นผลจากราคาสินค้า LED ได้ปรับตัวลดลงเพราะการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น และกำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอตัวลง สำหรับงานส่งออกเพิ่มขึ้น 7% เป็น 38 ล้านบาท เป็นผลจากการเลื่อนส่งมอบงานมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท ในประเทศเวียดนามไปรับรู้รายได้ในไตรมาสถัดไป
ส่วนกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2560 อยู่ที่ 25.7 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 1.2 ล้านบาท หรือลดลง 4% เป็นผลจากกำไรเบื้องต้นรวมรายได้อื่นลดลง 6.2 ล้านบาท หรือลดลง 3% ซึ่งสาเหตุใหญ่เป็นผลจากยอดขายที่ลดลงแต่อัตรากำไรเบื้องต้นได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมดอกเบี้ยจ่ายลดลง 5.8 ล้านบาท หรือลดลง 3% ซึ่งสาเหตุใหญ่เป็นผลจากค่าใช้จ่ายส่งเสริมการขายและค่าใช้จ่ายอื่นส่วนใหญ่ได้ปรับตัวลดลง รวมทั้งเงินกู้ยืมธนาคารที่ลดลงเพราะลูกหนี้การค้าได้ปรับตัวลดลง แต่มีภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 0.8 ล้านบาทเพราะในไตรมาสนี้บริษัทย่อยแห่งหนึ่งซึ่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนมียอดขายจำนวนหนึ่งที่ไม่อยู่ในข่ายได้รับยกเว้นภาษีเงินได้
"ต้องยอมรับว่าผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เนื่องจากมีมูลค่างานประมาณ 80 ล้านบาท ที่เลื่อนมารับรู้รายได้ในไตรมาส 4/60 เนื่องจากลูกค้าเพิ่งมีการเซ็นรับมอบงานในช่วงต้นไตรมาส 4 อีกทั้งมีงานโครงการหลายโครงการมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ที่เลื่อนการส่งมอบจากไตรมาส 3 ไปเป็นไตรมาส 4/60 หรือต้นปี 2561 รวมทั้งราคาสินค้า LED ปรับตัวลดลง 20-30% ส่งผลให้มูลค่างานโครงการทั่วไปปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 31% ในปี 2559 เพิ่มเป็น 32.9% ในปี 2560 เป็นผลจากต้นทุนการผลิตปรับตัวลดลงและสัดส่วนการขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น" นายปกรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 บริษัทฯ คาดการณ์ว่ารายได้ทั้งปีจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย โดยปัจจัยหลักประกอบด้วย งานโครงการมีการแข่งขันเข้มข้นสินค้าทางเลือกราคาต่อหน่วยต่ำลง ส่งผลให้มูลค่างานโครงการลดลงด้วย รายได้ค้าส่ง ค้าปลีก ลดลงจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ชะลอตัวผนวกกับการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้แม้ว่าการเติบโตของรายได้ลดลงแต่คาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2559 โดยบริษัทฯ พยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นปี 2560 เฉลี่ยอยู่ที่ 32% จากปีก่อนอยู่ที่ 29% แม้งานโครงการมูลค่าต่อโครงการลดลงแต่อัตรากำไรขั้นต้นกลับสูงขึ้น ส่วนสถานการณ์งานโครงการยังเติบโตทั้งห้างสรรพสินค้า ที่อยู่อาศัย รวมทั้งการเปลี่ยนอุปกรณ์แสงสว่างทดแทนของเดิม