การเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ Compact Primo Brake ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของบริษัทที่จะเปิดตัวสินค้าที่เข้าใจและตอบสนองถึงความต้องการของผู้บริโภคในกลุ่มพรีเมี่ยมที่ให้ความสำคัญในความปลอดภัยและตอบสนองการเบรกอย่างดีเยี่ยม และยังคงไว้ซึ่งสุนทรียภาพในการขับขี่ โดยการออกแบบให้ผ้าเบรกมีความยืดหยุ่นสูง ไม่ทำลายผิวจานเบรก ซึ่งเป็นต้นเหตุของเสียงดังในการเบรกและฝุ่นดำเกาะล้อ ผ่านการทดสอบทั้งในห้องปฏิบัติการและการขับขี่จริง ภายใต้การควบคุมของศูนย์พัฒนาและทดสอบเบรกของบริษัทฯ ที่มีเครื่องมือการทดสอบที่ทันสมัยระดับโลก และเป็นศูนย์แห่งเดียวในภูมิภาค ASEAN ซึ่งจัดตั้งเมื่อปี 2551 ด้วยการลงทุนสะสมกว่า 200 ล้านบาท และมีทีมวิศวกรประสบการณ์สูงที่ได้รับการฝึกฝนจากผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ผ้าเบรกของ Compact ยังได้รับมาตรฐานการรับรองจากยุโรปใน UN-ECE R90 ซึ่งเป็นมาตรฐานผ้าเบรกที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายทั่วโลก
นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวยังผ่านการรับรองมาตรฐานจากสหรัฐอเมริกาที่กำหนดให้ผ้าเบรกต้องมีการจำกัดส่วนผสมของทองแดง (Low Copper and Copper Free) หลังจากศึกษาพบว่ามีผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีกฎหมายที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี ค.ศ.2021 และจะเป็นมาตรฐานในอนาคตของผ้าเบรกทั่วโลกจากอิทธิพลของกฎหมายดังกล่าวที่มาจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นผู้กำหนดเทคโนโลยียานยนต์และตลาดยานยนต์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ล่าสุด วงการยานยนต์ทั่วโลกยังเน้นและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการควบคุมการแพร่กระจายของฝุ่นจากการเบรก (Brake Emission) โดยมีแนวโน้มที่จะออกกฎหมายควบคุมในอนาคตอันใกล้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญในการพิจารณาออกแบบ Compact Primo Brake ให้ถนอมจากเบรกและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน เพื่อให้อัตราการสึกหรอของผ้าเบรกและจานเบรกต่ำ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการแพร่กระจายของฝุ่นจากการเบรก
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ Compact Primo Brake ถือได้ว่าเป็นผ้าเบรกที่มีเทคโนโลยีสำหรับอนาคต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของบริษัทฯ ที่จะขยายตลาดไปสู่ตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพทั้งในอเมริกาและยุโรป โดยคำนึงถึงความปลอดภัยทั้งการใช้รถใช้ถนนและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
นอกจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้ว บริษัทฯ ยังได้คำนึงถึงการพัฒนาศูนย์บริการติดตั้งและบำรุงรักษาระบบเบรก เพื่อพัฒนาบริการของเราและส่งมอบความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคแบบครบวงจร ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นการสร้างศูนย์บริการ Compact Premium Service, Compact Service และ Diamond Service ด้วยการจัดอบรมช่างที่เน้นการพัฒนามาตรฐานการบำรุงรักษาระบบเบรกให้แก่ศูนย์บริการ อีกทั้งให้ความรู้เรื่องเบรกที่ถูกต้องแก่ลูกค้า ซึ่งการพัฒนาด้านดังกล่าวยังเป็นการเข้าถึงข้อมูลการใช้งานของผู้บริโภคโดยตรง เพื่อการพัฒนาสินค้าอย่างเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานเบรกของทุกๆ กลุ่มลูกค้ารองรับการพัฒนาผ้าเบรกให้สอดคล้องกับการใช้งานที่หลากหลาย
ขณะที่ คุณพีระ อิสระพิทักษ์กุล ผู้จัดการฝ่ายขายในประเทศอาวุโส บริษัท คอมแพ็ค อินเตอร์เนชั่นแนล (1994) จำกัด กล่าวว่า จากที่เราได้ดูแลบริโภคอย่างใกล้ชิดผ่านทางศูนย์บริการ Compact Premium Service, Compact Service และ Diamond Service เพื่อให้รับรู้และเข้าใจความคาดหวังของผู้บริโภคในการใช้งานเบรกและได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าเบรก Compact Primo Brake มาเติมเต็มกลุ่มสินค้าผ้าเบรกในตลาดระดับพรีเมี่ยมของบริษัทฯ สำหรับกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญในความปลอดภัยและการตอบสนองการเบรกอย่างดีเยี่ยม และยังคงสุนทรียภาพของการขับขี่ โดยไม่มีเสียงเบรกและฝุ่นเบรกรบกวน ซึ่งบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับศูนย์บริการดังกล่าว เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการส่งเสริมภาพลักษณ์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น พร้อมจะเดินหน้าเรื่องการตลาดและการประชาสัมพันธ์
แผนการตลาดของ Compact Primo Brake นั้น จะเน้นสร้างการรับรู้ไปสู่ผู้บริโภคให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้เบรกที่ดีและมีคุณภาพ ตลอดจนเหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันผ่านช่องทาง Online ควบคู่ไปกับการทำตลาดแบบ Below the Line ซึ่งทางบริษัทได้จัดทำเป็นแผนระยะยาวเพื่อผลักดันสินค้าให้เป็นที่รู้จักของกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
และด้วยกลไกการพัฒนาสินค้าควบคู่กับการบริการและการวิเคราะห์ตลาดแบบครบวงจร เรามีแผนที่พัฒนาและเปิดตัวสินค้าอีกหลายตัวในปี 2561 ในรถหลายลักษณะการใช้งาน อาทิ การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ผ้าเบรกสำหรับรถตู้โดยสาร ซึ่งปัจจุบันพบว่าพฤติกรรมการขับขี่ได้ปรับเปลี่ยนไปจากที่ได้ออกสินค้าดังกล่าวไปเมื่อปี 2555 และประสบความสำเร็จอย่างมากในขณะนั้น โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเปิดตัวและออกสู่ตลาดในไตรมาส 3 ของปี 2561 อีกทั้งยังมีแผนพัฒนาผ้าเบรกสำหรับรถกระบะบรรทุกหนักที่ขับขี่ด้วยความเร็ว และขึ้น-ลงทางลาดชันที่ต้องการประสิทธิภาพการเบรก ตลอดจนอายุการใช้งานที่ยาวนาน
สำหรับช่องทางการจัดจำหน่ายที่ค่อนข้างหลากหลายทั้งในส่วนของร้านค้า ร้านอะไหล่ รวมถึงศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานทั่วประเทศ โดยบริษัทมีศูนย์ Compact Premium Service, Compact Service และ Diamond Service คอยให้บริการลูกค้าทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ขณะเดียวกันยังร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท ต.สยาม คอมเมอร์เชียล จำกัด ผู้นำศูนย์บริการยางรถยนต์ครบวงจร GRIP เพื่อให้ลูกค้าที่มาใช้บริการได้เปลี่ยนผ้าเบรกที่มีคุณภาพจากศูนย์บริการที่มีความรู้ความชำนาญ
ด้านการประชาสัมพันธ์สินค้า Compact Brake ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นนั้น ในปี 2561 จะเน้นด้าน Online เป็นหลัก เนื่องจากในปัจจุบันผู้บริโภคมีการใช้ Smart Phone เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม ควบคู่ไปกับการสนับสนุน Motor Sport ในรายการ Superclub Supercompact กิจกรรมประลองความเร็วแบบถูกกฎหมายของคาร์คลับที่นอกเหนือจากจะช่วยสร้างเสริมทักษะการขับขี่แล้ว ยังช่วยพัฒนาฝีมือและสร้างโอกาสสู่การเป็นนักแข่งมืออาชีพต่อไปในอนาคต ตลอดจนเป็นพื้นที่ให้เหล่าบรรดาคาร์คลับได้พบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่ระหว่างกัน ซึ่งในปี 2560 เหล่าคาร์คลับได้ให้ความสนใจเข้าร่วมเป็นอย่างมาก
ด้าน คุณมีชัย ศรีวิบูลย์ ผู้อำนวยการด้านเทคนิค บริษัท คอมแพ็ค อินเตอร์เนชั่นแนล (1994) จำกัด กล่าวถึงการดำเนินงานวิจัย พัฒนา และกระบวนการผลิตของบริษัท ว่า ที่ผ่านมาถูกขับเคลื่อนด้วยทีมงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุและการทดสอบ ภายใต้การก่อตั้งศูนย์พัฒนาและทดสอบเบรก (Brake Development and Testing Center) ในปี 2551 เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาผ้าเบรกที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาค ASEAN ด้วยงบลงทุนกว่า 200 ล้านบาท และความร่วมมือทางเทคนิคจากผู้เชี่ยวชาญของประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ รวมถึงความร่วมมือและสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สวทช.) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการที่บริษัทฯ ได้ส่งตัวแทนเพื่อเข้าร่วมงานสัมมนาวิชาการและนำเสนอผลงานทางวิชาการอย่างต่อเนื่องในงานสัมมนาด้านเบรกทั่วโลก อาทิ งาน SEA Brake Colloquium ประเทศสหรัฐอเมริกา, Euro Brake ของยุโรป และ ASIA Brake ในเอเซีย ซึ่งบริษัทฯ ถือเป็นผู้ผลักดันในเกิดงานดังกล่าว โดยเป็นงานสัมมนาวิชาการด้านเทคนิคเกี่ยวกับเบรก เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมเบรกในภูมิภาคเอเซียด้วยผู้เชี่ยวชาญในวงการ ซึ่งในปีหน้าได้กำหนดจัดงาน ASIA Brake 2018 ในระหว่างวันที่ 4 - 8 กุมภาพันธ์ 2561 ที่กรุงเทพฯ และจากทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วนั้น ทำให้บริษัทฯ ทราบถึงแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเบรกของโลก ส่งผลให้สามารถเตรียมความพร้อมได้อย่างทันท่วงที
และจากวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่ต้องการผลิตผ้าเบรกที่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและพนักงาน ตลอดจนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตผ้าเบรกไร้ใยหิน NAO (Non Asbestos Organic) และได้รับรางวัลนวัตกรรมมากมายจากหลายหน่วยงาน ประกอบกับปัจจุบันกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในวงกว้าง ขณะที่ผู้บริโภคเองก็มีความตื่นตัวในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทางบริษัทจึงค้นคว้าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว ควบคู่ไปกับการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานผ้าเบรกในประเทศไทย Compact Primo Brake ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากทาง Compact Brakes ภายใต้เทคโนโลยีการออกแบบและการผลิตที่สะอาด Clean Drive Formulation Design ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในเรื่องของสูตรผ้าเบรกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประกอบ Anti-Noise & Anti-Dust friction material formulation สูตรการผลิตดิสก์เบรกที่ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันการเกิดเสียงและฝุ่นดำติดล้อ ซึ่งสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่มุ่งเน้นความสวยงามและความสะอาดของล้อจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน ควบคู่ไปกับ Excellent Rotor Care เทคโนโลยีที่ช่วยให้จานดิสก์เบรกมีการอายุการใช้งานที่ยาวนานด้วยคุณสมบัติการถ่ายเทฟิล์มจากเนื้อผ้าเบรกเคลือบไปยังผิวหน้าจานดิสก์เบรกอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยคงความเรียบ ไม่ทำให้เกิดรอยบนหน้าจานดิสก์เบรก และเกิดการสึกหรอที่ต่ำเมื่อเทียบกับผ้าเบรกทั่วไป
และด้วยเอกสิทธิ์พิเศษเฉพาะ Compact Primo Brake ได้นำเอาเทคโนโลยีแผ่นชิมพรีเมี่ยมจากประเทศสวีเดน หรือ Multilayer Anti-Squeal Shim Technology มาติดตั้งเข้ากับผลิตภัณฑ์ดิสก์เบรกทุกรุ่น เพื่อให้เป็นส่วนสำคัญในการดูดซับเสียงและแรงสั่นสะเทือนในขณะที่เหยียบเบรก โดยแผ่นชิมดังกล่าวนี้ประกอบไปด้วยยางเคลือบแผ่นเหล็กคุณภาพสูง โดยชั้นบนจะเป็นยางสีส้มเอกลักษณ์เฉพาะของ Compact Primo Brake และชั้นล่างเป็นยางสีดำที่มีความทนทานและยืดหยุ่นต่อการใช้งานที่อุณหภูมิสูงด้วยชั้นกาวชนิดพิเศษ ซึ่งในขณะที่แตะเบรกผู้ขับขี่จะรู้สึกได้ถึงความนุ่มและเงียบมากกว่าที่เคยสัมผัส
นอกเหนือจากนวัตกรรมที่ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีสีขาวดังที่กล่าวมาแล้วนั้น Compact Primo Brake ยังถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเบรกในสภาวะการใช้งานที่มีความร้อนสูงหรือการเบรกกะทันหันในขณะที่รถเคลื่อนที่เร็ว รวมถึงการขับขี่ขึ้นลงเขาที่ต้องมีการเหยียบเบรกบ่อยๆ ด้วย Y Groove Technology เทคนิคการผ่าร่องผิวหน้าผ้าดิสก์เบรกให้เป็นรูปตัว Y พร้อมกันนี้เทคนิคดังกล่าวยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายฝุ่นและระบายน้ำไปในตัว และเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของการใช้งานได้นำเอากระบวนการ Thermal Scorched ซึ่งเป็นการปรับผิวหน้าผ้าเบรกด้วยความร้อนในอุณหภูมิที่สูงถึง 600°C ทำให้ดิสก์เบรกพร้อมใช้งานโดยที่ไม่ต้องทำการ Run-in ในระยะ 200 กิโลเมตรแรก ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์การขับขี่ในทุกช่วงอุณหภูมิและทุกช่วงระยะเวลาของการใช้งาน