เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว: ปัญหาความรุนแรงต่อเพศหญิง ที่สั่นสะเทือนทุกมิติในระดับโลกแบบที่คาดไม่ถึง

จันทร์ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๐๑๗ ๐๙:๑๘
มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลเผย ทัศนคติแบบ ""ชายเป็นใหญ่"" ที่มีปัจจัยกระตุ้นด้วยเครื่องดื่มมึนเมาและสารเสพติด เปลี่ยน ""บ้าน"" ให้เป็น ""เวทีมวย""มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย ปล่อยภาพยนตร์โฆษณารณรงค์ ""บ้าน… ไม่ใช่เวทีมวย"" ปลุกกระแส ""#ผู้ชายไม่ทำร้ายผู้หญิง"" ในโอกาส 25พฤศจิกายน วันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากล 36 ปีที่ทั่วโลกเริ่มรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีอย่างจริงจังนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ณ เวลานี้เราเดินทางมาถึงจุดไหนแล้ว? ข่าวดีคือ จำนวนประเทศที่มีกฎหมายคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พุ่งสูงขึ้น จากเดิมมีเพียง 7 ประเทศจากทั้งหมด 173 ประเทศทั่วโลก เพิ่มเป็น 127 ประเทศภายในระยะเวลา 25 ปี[1] แต่อย่างไรก็ตาม""กฎหมายคุ้มครอง"" ไม่ใช่สิ่งที่สามารถขจัดความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อผู้หญิงได้ทั้งหมด บทความนี้จะตีแผ่แรงสั่นสะเทือนของปัญหาความรุนแรงต่อเพศหญิงที่ส่งผลกระทบต่อทุกมิติในระดับโลกแบบที่คาดไม่ถึง (และแน่นอนมันส่งผลกระทบถึง…คุณผู้อ่าน…ด้วยเช่นกัน) ซึ่งเราทุกคนในฐานะ ""มนุษย์"" จะต้องร่วมยุติความรุนแรงนี้ไปด้วยกัน

คำถามคือเราจะช่วยกันยุติได้อย่างไร?

ก่อนที่จะตอบคำถามด้านบน ขอเล่าความจริงบางอย่างให้อ่านกัน… ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเพศหญิงไม่ได้แค่สร้างความเจ็บปวดให้กับผู้หญิงที่โดนทำร้ายเท่านั้น แต่ความเจ็บปวดนี้ยังส่งผลกระทบไปยังคนทุกเพศ ทุกวัยในสังคม กระเทือนถึงรากลึกทัศนคติแห่งการใช้ชีวิตของผู้คนในเรื่องสิทธิความเท่าเทียม ไปจนถึงสั่นคลอนเศรษฐกิจระดับชาติ เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งถูกทำร้ายไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม สร้างบาดแผลแก่ร่างกายและจิตใจของพวกเธอจนกระทั่งทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานลดลงจึงทำให้มีรายได้ลดน้อยลงไปด้วย โดยมีข้อมูลว่าผู้หญิงที่ถูกกระทำความรุนแรงจากคู่ครองจะมีรายได้จากงานประจำน้อยกว่าผู้หญิงที่ไม่ถูกกระทำความรุนแรงถึง 60%[2] ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผู้หญิงเหล่านี้มีสถานะในสังคมต่ำลงไปโดยปริยาย พวกเธอจึงไม่สามารถออกมาทำกิจกรรมร่วมกับสังคมหรือชุมชนภายนอกได้อย่างเต็มที่เท่าที่ควร อย่างร้ายแรงที่สุดอาจนำไปสู่การเกิดเหตุฆาตกรรมหรือการฆ่าตัวตาย

บาดแผลนี้จึงถูกส่งต่อไปยังคนในครอบครัว โดยเฉพาะลูกของพวกเธอจะซึมซับความรุนแรงไปโดยไม่รู้ตัว เด็กที่เติบโตขึ้นในครอบครัวที่มีความรุนแรงอาจจะมีความบกพร่องทางอารมณ์และพฤติกรรม ส่งผลให้มีโอกาสเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้านความรุนแรงต่อไปได้ในอนาคต และมีโอกาสเกิดอัตราการเสียชีวิตหรือเจ็บป่วยสูงขึ้นจากโรคอุจจาระร่วงหรือการขาดสารอาหารในทารกและเด็ก เนื่องจากผู้เป็นแม่ที่โดนทำร้ายจนสภาพจิตใจและร่างกายไม่พร้อมดูแลลูกได้เต็มร้อย

ปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงลุกลามก่อให้เกิดปัญหาระดับชาติ อันเนื่องด้วยภาระค่าใช้จ่ายมากมายมหาศาลในการเยียวยาผู้ถูกกระทำ ไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่ายทางตรง อย่าง ระบบสาธารณสุข สวัสดิการสังคม กระบวนการยุติธรรม บริการที่ปรึกษาและบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่ปัญหาตามมาที่ใหญ่หลวงคือการสูญเสียแรงงานที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ การที่ผู้หญิงไม่มีโอกาสในการศึกษา การจ้างงาน และการใช้ชีวิตนั้น บ่อนทำลายเป้าหมายของบางประเทศในการลดระดับความยากจน โดยผลสำรวจชี้ว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงทั่วโลกคิดเป็นประมาณ 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของทั้งโลกหรือประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเทียบได้กับขนาดเศรษฐกิจของประเทศแคนาดาทั้งประเทศ[3] หรือคิดเป็นค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าการเกิดสงครามกลางเมืองเลยทีเดียว และนี่คือสิ่งที่สังคมต้องจ่ายให้กับผลกระทบของปัญหาเหล่านี้

ผลกระทบที่ขยายผลจากปัญหาที่มีจุดเริ่มต้นในครอบครัว เป็นเหตุผลว่าทำไมองค์กรทั่วโลกต่างต้องรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อสตรีอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเป้าหมายสูงสุดของการรณรงค์ คือ การขุดรากถอนโคนระดับจิตสำนึกในการปฏิรูปความคิดและทัศนคติของผู้คนที่มีต่อประเด็นปัญหาเรื่องนี้ ว่าปัญหาเรื่องความรุนแรงต่อผู้หญิงไม่ใช่เรื่องปกติไม่ใช่ปัญหาภายในครอบครัว ไม่ใช่ความผิดของผู้หญิง แต่มันคือปัญหาสังคม

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วจะพบคำตอบของคำถามด้านบนที่ว่า เราจะช่วยกันยุติปัญหานี้ได้อย่างไร?

มูลนิธิหญิงชายก้าวไกลได้เก็บข้อมูลสถานการณ์ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวในรอบปี 2559 โดยการรวบรวมข่าวความรุนแรงในครอบครัวจากหนังสือพิมพ์ในปี2559 จำนวน 13 ฉบับ ได้แก่ ไทยรัฐ เดลินิวส์ ข่าวสด คมชัดลึก มติชน แนวหน้า ไทยโพสต์ กรุงเทพธุรกิจ บ้านเมือง สยามรัฐ พิมพ์ไทย ผู้จัดการรายวัน โพสต์ทูเดย์ พบข่าวความรุนแรงในครอบครัวสูงถึง 466 ข่าว โดยพบว่าส่วนใหญ่สามีกระทำต่อภรรยา 71.8% นอกจากนี้ยังพบว่าข่าวความรุนแรงทางเพศของคนในครอบครัวมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้นมากที่สุด 33.3% รองลงมาคือ ข่าวการฆ่ากัน 21.2% และข่าวทำร้ายกัน 14.8% นอกจากนี้ยังพบมูลเหตุที่ทำให้เกิดกรณีข่าวสามีฆ่าภรรยามาจากการหึงหวง ระแวง ฝ่ายหญิงไม่ยอมคืนดี 78.6% ในการรายงานข้อมูลสถานการณ์นี้ใช้ชื่อ ตอน ความรุนแรง ""ฆ่า"" ครอบครัว เพื่อขุดลึกถึงต้นตอของปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิง พบว่า ทัศนคติแบบ ""ชายเป็นใหญ่"" เปลี่ยน ""บ้าน"" ให้เป็น ""เวทีมวย"" ด้วยแรงกระตุ้นจากเครื่องดื่มมึนเมาและสารเสพติด โดยมีมูลเหตุหลักจากความหึงหวง

ทัศนคติแบบ ""ชายเป็นใหญ่"" ทำให้ผู้ชายบางคนมองภรรยาตัวเองเป็นสมบัติในครอบครองที่สามารถใช้อำนาจเหนือและปฏิบัติกับเธออย่างไรก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ทัศนคติแบบ ""ชายเป็นใหญ่"" ไม่ได้จำกัดแค่อยู่ในความคิดของผู้ชายเท่านั้น แต่ก็เป็นทัศนคติที่อยู่ในความคิดของผู้หญิงด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นการนำไปสู่ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวในที่สุด ความคิดและทัศนคติเหล่านี้ เป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องเปลี่ยนแปลง

นี่จึงเป็นที่มาของแคมเปญรณรงค์ในโอกาสวันยุติความรุนแรงต่อสตรีสากลในวันที่ 25 พฤศจิกายน โดยมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับ เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน ประเทศไทย ภายใต้แนวคิด ""บ้าน… ไม่ใช่เวทีมวย"" ต้องการปลุกกระแสสังคม ""#ผู้ชายไม่ทำร้ายผู้หญิง"" จี้จุดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ชาย ผ่านกีฬามวยไทยซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมที่ผู้ชายชื่นชอบ โดยต้องการสื่อสารว่า ผู้ชายต้องล้อมกรอบความรุนแรงด้วยเชือกเส้นหนา 3 เส้น บนสังเวียนมวยที่มีกติกา และอย่านำความรุนแรงกลับไปที่บ้าน ในขณะที่ผู้หญิงเองเมื่อถูกกระทำความรุนแรง จะต้องกล้าที่จะลุกออกมาสื่อสารกับสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญที่สุดคือการปลูกฝังทัศนคติความเท่าเทียมและการเคารพซึ่งกันและกันในฐานะเพื่อนมนุษย์ให้กับทุกคนในสังคม ตั้งแต่สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา ไปจนถึงทุกภาคส่วน ว่าความรุนแรงในครอบครัวไม่ใช่เรื่องส่วนตัวและไม่ใช่ปัญหาระดับปัจเจกบุคคล แต่เป็นประเด็นปัญหาระดับมนุษยชาติที่สั่นสะเทือนทุกมิติระดับโลก และทุกคนล้วนมีส่วนในการยุติปัญหาความรุนแรง

คนที่เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว ไม่ได้หมายถึงผู้กระทำความรุนแรงเพียงเท่านั้น แต่คนคนนั้นหมายถึงพวกเราทุกคนที่มีทัศนคติและความคิดบางอย่างที่มีส่วนขยายหรือซ้ำเติมต่อปัญหาที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น จะดีกว่าไหมถ้าเราทุกคนร่วมมือกันดูแลและถนอม ""ดอกไม้"" ดอกนั้นเพื่อสร้างความสวยงามให้บานสะพรั่งไปทั่วโลก

ชมภาพยนตร์โฆษณาชุด ""บ้าน… ไม่ใช่เวทีมวย"" ได้ที่ https://goo.gl/iiVRFW หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล แล้วมาร่วมกันชูป้าย ""บ้าน.... ไม่ใช่เวทีมวย ผู้ชายไม่ทำร้ายผู้หญิง"" ที่คุณเขียนขึ้น และโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย พร้อมกับติดแฮชแท็ก #ผู้ชายไม่ทำร้ายผู้หญิง ในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน ""เพราะเราคงไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก""

สายด่วนมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล โทร. 02-513-2889

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕ พ.ย. ดิ เอราวัณ กรุ๊ป เปิดตัว HOP NextGen ชวนนักศึกษาเยี่ยมชม ฮ็อป อินน์ เรียนรู้เทคนิคบริการแบบ Consistency is Yours พร้อมพัฒนาบุคลากรรุ่นใหม่
๑๕ พ.ย. คิง เพาเวอร์ ต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี เปิดแคมเปญ THE POWER OF FUNTASTIC CELEBRATION 2025 ฉลองทุกความสุข สนุกไม่รู้จบ
๑๕ พ.ย. พันธุ์ไทย ชวนแฟนด้อม คัลแลนและพี่จอง จุ่ม การ์ดพันธุ์ไทยใจฟู ลิมิเต็ด อิดิชั่น
๑๕ พ.ย. BAM ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง อิสระ เดอะซีรีส์ ชวนลูกหนี้ BAM
๑๕ พ.ย. บางจากฯ ได้รับการประเมินด้านความยั่งยืนอันดับสูงสุดของโลก จาก SP Global 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรม Oil Gas Refinery and
๑๔ พ.ย. ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล ออกบูธให้ความรู้เรื่องการใช้งานระบบดับเพลิงนร. พระหฤทัยนนทบุรี
๑๒ พ.ย. พนักงานซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล รับรางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่น
๑๕ พ.ย. PROSPECT REIT ชูไตรมาส 3/67 โตเกินเป้า อัตราการเช่าพุ่งนิวไฮ หนุนจ่ายปันผลเด่น 0.2160 บาท
๑๕ พ.ย. CHAO ประกาศงบ Q3/67 กำไรพุ่งกว่า 62% รับตลาดส่งออกพีค จีนโตเด่น แย้ม Q4 เดินหน้าบุกตลาดในประเทศ สินค้าใหม่หนุนยอดขายปลายปี
๑๕ พ.ย. ฉลองเทศกาลลอยกระทงประจำปี 2567 ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ