บลจ.ทิสโก้ฟันธง กลุ่มการเงินสหรัฐฯ น่าลงทุน! คลายกฎหนุนรายได้โตกว่าตลาดแถมราคาหุ้นถูก

อังคาร ๒๑ พฤศจิกายน ๒๐๑๗ ๑๑:๒๘
บลจ.ทิสโก้ชี้ กลุ่มการเงินสหรัฐน่าลงทุน! ราคาหุ้นถูก - ปัจจัยบวกเพียบ รับอานิสงส์เฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ดันส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิขยับตาม ขณะที่ทรัมป์เร่งผลักดันกฎหมายผ่อนคลายเกณฑ์กำกับสถาบันการเงินเอื้อรายได้โตมากกว่าตลาด

นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) กล่าวว่า เศรษฐกิจและภาคการเงินของสหรัฐฯ มีสเถียรภาพขึ้นมาก นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินสหรัฐฯ หรือHamburger Crisis โดยภาคการเงินแข็งแกร่งขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกกฎหมายเข้มงวดภาคการเงินทำให้ธนาคารต้องระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ และต้องดำรงเงินกองทุนขั้นต่ำต่อสินทรัพย์เสี่ยงในระดับที่สูงขึ้น ส่งผลให้ปัจจุบันสัดส่วนการดำรงเงินกองทุนขั้นต่ำในธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานของทางการ สอดคล้องกับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต Rating ของสถาบันชั้นนำ นอกจากนี้ ยังมีการป้องกันการเกิดวิกฤติในอนาคตผ่านการประเมินความแข็งแกร่งของภาคธนาคาร หรือ เรียกว่าการทดสอบ Stress Test เพื่อประเมินความสามารถในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้กรณีที่เกิดวิกฤติในอนาคต

ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เห็นได้จากตัวเลข GDP สหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ในเดือน ธ.ค.ปี 2559 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรก สำหรับมุมมองระยะข้างหน้า บลจ.ทิสโก้มองว่า กลุ่มสถาบันการเงินสหรัฐฯ จะเติบโตได้อย่างโดดเด่นและน่าลงทุน โดยมีปัจจัยสนับสนุนการลงทุน 2 ประการคือ 1. แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed จะเป็นปัจจัยหนุนต่อรายได้ดอกเบี้ยในภาคธนาคาร โดยประเมินว่าปี 2561 Fed จะขึ้นดอกเบี้ยทั้งหมด 3 ครั้ง และมีแนวโน้มปรับขึ้นได้อีกในปี 2562 โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าทุกๆ 1% ของอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับเพิ่มขึ้น จะหนุนผลดำเนินกลุ่มการเงินประมาณ 2.4%

และประการที่ 2. รัฐบาลภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องการผลักดันแก้ไขกฎหมาย Dodd Frank ที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบภาคธนาคารลง สอดคล้องกับนโยบายของนาย Jerome Powell ซึ่งจะดำรงตำแหน่งประธาน Fed คนต่อไปและมีแนวคิดที่อยากจะลดความซับซ้อนของกฎระเบียบในการกำกับดูแลสถาบันการเงิน ประเมินว่าหากการผ่อนคลายกฎหมายเกิดขึ้นจริงย่อมส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคารในสหรัฐฯ เนื่องจากโครงสร้างรายได้ของภาคธนาคารโดยส่วนใหญ่จะได้รับประโยชน์จากการปรับกฎหมายในครั้งนี้ แต่การปรับลดกฎระเบียบดังกล่าวเป็นเพียงการปรับเปลี่ยนบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้นำไปสู่การผ่อนคลายมากเกินไปเมื่อเทียบกับเกณฑ์ในอดีต เนื่องจาก มุมมองของนาย Jerome Powell เนื้อหาส่วนใหญ่ใน Dedd Frank ยังมีความจำเป็นต่อการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน

อย่างไรก็ตาม เรายังได้ทำการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มการเงินและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ซึ่งเป็นตัวที่สะท้อนมุมมองของทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต พบว่า การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่มการเงินมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี เมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มอื่นๆ ซึ่งหมายความว่า หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ราคาหุ้นกลุ่มการเงินน่าจะมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะจะมีผลการดำเนินงานดีขึ้นตามส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ที่มักจะปรับเพิ่มขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย

"ทิศทางผลดำเนินงานกลุ่มการเงิน คาดว่าจะปรับขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สนับสนุนการขยายตัวของสินเชื่อ และยังมีปัจจัยหนุนจากการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการกลุ่มการเงินจะขยายตัวได้ 9 % ในปี 2560 และขยายตัว 15% ในปี 2561 ถือว่าเพิ่มขึ้นมากกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 11% สำหรับราคากลุ่มการเงินของสหรัฐฯ ยังคงปรับขึ้นน้อยกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ (Laggard) หากมองย้อนกลับไปในช่วง 10 ปีก่อน (ต.ค. 2550 - ต.ค. 2560) พบว่า ดัชนี S&P500 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 62% ในขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐฯ ติดลบ 11% และเมื่อเทียบในแง่ของมูลค่าตลาด (Valuation) โดยใช้ P/E Ratio พบว่าหุ้นกลุ่มการเงินเทรดที่ P/E 12 เดือนข้างหน้า (Forwarded P/E) ที่ 14.2 เท่า ถือว่าต่ำกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ และยังต่ำกว่าดัชนี S&P500 ที่เทรดด้วยระดับ P/E ที่ 18 เท่า" นายสาห์รัช กล่าว

ดังนั้น การลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงินในสหรัฐฯ ในช่วงนี้จึงถือเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะได้รับปัจจัยบวกจากสภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแนวโน้มของดอกเบี้ยที่กลับมาเป็นช่วงขาขึ้น อีกทั้งเป็นไปในทิศทางเดียวกับมุมมองของทิสโก้ที่แนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์การเลือกลงทุนเป็นรายอุตสาหกรรมในช่วงที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างสูง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๑๕:๒๖ กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๑๕:๐๑ สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๑๕:๒๙ 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๑๕:๐๘ โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๑๕:๕๒ electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version