ทุ่มงบจัดงานกว่า 50 ล้าน
ยุพเรศ เอกธุระประคัลภ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท จี-ยู ครีเอทีฟ จำกัด (G-Yu Creative) เปิดเผยว่า Japan Expo Thailand 2018 เป็นงานที่คัดสรรหัวใจของความเป็นญี่ปุ่นในด้านต่างๆ เข้ามานำเสนอให้คนไทยได้เรียนรู้ รวมที่สุดในด้านต่างๆ และได้รับการไว้วางใจจากพันธมิตรในแต่ละคอนเทนต์ที่นำเอาไฮไลต์หรือที่สิ่งที่น่าสนใจแบบรู้ลึก รู้จริง จากญี่ปุ่น ขนทัพมาร่วมสร้างปรากฏการณ์ J-Pop Culture ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Infinite Japan ที่จะให้ทุกท่านสัมผัสความสนุกที่หลากหลายแบบกับกิจกรรมญี่ปุ่นแบบไม่มีที่สิ้นสุด รวบรวมเสน่ห์อันหลากหลายของความเป็นญี่ปุ่นมาไว้ในงานเดียว พร้อมโชว์ศักยภาพในการนำเอกลักษณ์แท้ ในด้านต่างๆ จากญี่ปุ่นมาร่วมงานอย่างคับคั่ง รวมทั้งทัพศิลปินไอดอลระดับแถวหน้าที่จะมาโชว์ในงานนี้โดยเฉพาะ
โดยในปีนี้เราใช้งบจัดงานทั้งหมดประมาณกว่า 50 ล้านบาท โดยมีเนื้อที่ใช้จัดงานทั้งหมด 20,000 กว่าตารางเมตร เตรียมเนรมิต 13 โซนหลัก ทั้งลานด้านหน้าและด้านในของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เงินที่เราลงทุนในการจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์หลักคือ บริษัท โออิชิ,บริษัท,อีซูซุ ,อีออน ,JTB,การบินไทย และ ปตท.
"ยังต้องคุยกับอีกหลายสปอนเซอร์เพิ่ม มีทั้งบริษัทประกัน และโทรศัพท์หลายค่าย เพราะเราให้เอ็กคลูซีฟในเรื่องของตัวสินค้าด้วย ซึ่งบอกตรงๆ บางอันมี battle กันอยู่ อยากมาทั้งคู่ก็รู้สึกเสียดาย แต่เราก็ให้เกียรติกับคนที่เป็นคู่ค้าเรา นอกจากนี้ยังมีคุยกับสถาบันการเงินอยู่หลายแห่ง เช่น K Blank กับ SCB ด้วย"
กลยุทธ์ดึงดูดร้านค้า-สร้างพันธมิตร
ทั้งนี้งาน japan expo ในปีที่ผ่านๆ มา สิ่งที่ จี-ยู ครีเอทีฟ ภาคภูมิใจคือ จำนวนผู้ที่เข้ามาร่วมงานในแต่ละปีจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นตลอด ยุพเรศ กล่าวว่า อย่างปีที่แล้วประมาณ 5 แสนคน โดยงานนี้ไม่ใช่มีแต่รูปแบบความบันเทิงอย่างเดียว แต่เรายังสามารถดึงเม็ดเงินเข้ามาในประเทศมูลค่าหลายร้อยล้านบาท โดยมาจากการที่เราทำฟีดแบ็คให้กับร้านค้าที่มาร่วมงาน ซึ่งทำให้ร้านค้าทราบว่าเขาจำหน่ายอะไรได้เท่าไหร่
หลังจากนั้นมีการทำธุรกิจต่อยอด เขาจะได้คู่ค้าอะไรอย่างไรต่อบ้าง ซึ่งบางคนอาจขายเฟรนไชน์ของตัวเองเข้ามาในตลาดประเทศไทย บางคนอาจนำสินค้ามาขายในอนาคตได้ ทำให้มีพาร์ตเนอร์กันได้ เรียกว่าทุกๆ ปีในงานเราจะมีคอนเทนท์ที่หนาแน่นในทุกโซน เพื่อสร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้า ยอมรับว่าเป็นโจทย์ที่ไม่ง่าย และค่อนข้างหนักในทุกปีว่า เราจะเล่นอะไรต่อไปดี เพราะเราเล่นจัดเต็มเพิ่มทุกปี แต่ดีใจที่เราสามารถมีเรื่องใหม่ๆ เข้ามาทุกปี อย่างปีที่แล้วเรามีเรื่องท่องเที่ยว เรื่องอาหาร เรื่องศิลปวัฒนธรรม เรื่องแฟชั่น เรื่องการศึกษา
"นอกจากนี้ยังมีฝั่งญี่ปุ่นที่บางจังหวัดอยากโปรโมต แล้วมีจากการขายบูธด้วย รู้สึกดีใจที่เหล่าสปอนเซอร์เห็นว่างานนี้เป็นงานระดับประเทศที่ไม่อยากให้สูญหายไปจึงทำให้งานนี้เกิดขึ้นมาได้ อีกอย่างงานแบบนี้ถ้าใครบอกว่ามีเงินแล้วจัดได้ อยากได้ใครจ้างมาต้องบอกว่าบอกคนไม่มาหลอก อย่าง PIKOTARO (พิโก ทาโร่) คิวแน่นถึงปีไหนแล้วไม่รู้ แต่ความที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีทำงานร่วมกันมาสิบกว่าปี เราอยากให้มา เขาบอกว่าเดี๋ยวจะเคลียร์คิวให้ เรารู้สึกว่าเรามีอาวุธหลายๆ จุดที่เราสามารถดึงออกมาใช้ในยามจำเป็นได้ เพราะเรามีมิตรภาพที่ดีกับญี่ปุ่นเยอะมาก"
ชูคอนเทนต์ใหม่ปูทางการตลาด
ผู้บริหาร จี-ยู ครีเอทีฟ กล่าวด้วยว่า ปีนี้คอนเทนส์แต่ละเรื่องเรามีอะไรใหม่ๆ เข้ามาเติม อย่างเรื่องของบันเทิงที่เป็นเรื่องหลัก ทำให้คนสนใจ เราจะจัดออกมาแบบจัดหนัก เริ่มจากอานิเมะ เราจะดึงสุดยอดที่ดังๆ คนรู้จักมา ซึ่งในปีนี้จะมีคนที่ร้องเพลงคุริโกะ หรือ พี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) ของญี่ปุ่นมาด้วย ซึ่งตอนเชิญไปร่วมงาน เจแปน เอ็กซ์โป ที่จัดประเทศมาเลเซียกระแสดีมาก แล้วมีสุดยอดของไอดอลก็มา ซึ่งที่ประกาศออกมาแล้วคือ คุณไมมิ ยาจิมะ อดีตหัวหน้าวง ?-ute เกิร์ลกรุ๊ปลำดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น ที่คิวงานแน่นและมายากมาก
ในงานครั้งนี้จะมีการดึง สุมิดะ แจ๊ส เฟสติวัล อิน แบ็งคอก มาด้วย ซึ่งโดยปกติแจ๊สจะไม่มีในงานเจแปน เอ็กโป แต่ปีนี้เรามีคนดังที่เล่นแจ๊สในญี่ปุ่นมาด้วย ซึ่งตอบรับมาแล้ว 5 วง โดยวางไว้ว่า ในงานครั้งนี้ด้านนอกจะเปิดงานเร็วขึ้น ซึ่งเปิดแสดงในวันศุกร์กันเลย โดยวงแจ๊สจะเริ่มแสดงตั้งแต่บ่ายสองโมงจนถึงค่ำ ซึ่งทางญี่ปุ่นบอกว่าถ้าศิลปินไทยที่ชอบเพลงแจ๊สเหมือนกันจะมาร่วมแจมเขายินดีมาก เขาจะเล่นให้ดูกันสดๆ ดูฟรีไม่ต้องเสียเงิน
นอกจากนี้ยังมีอานิเมะ,เท็กสึกะ คาเฟ่,มีเกมดังของญี่ปุ่น,มีกลองมาให้เล่น มี โซนเวทีเจแปนเฟสต้า อิน แบงค็อก ซึ่งมีมาแล้ว 13 ปีถือว่ายาวนานที่สุดของการจัดงานญี่ปุ่นในไทย เวทีของเด็กๆ ที่ชอบพวกคอสเพย์ หรือ พวกเจร็อค พวกคอพเวอร์แดนซ์ พวกเพลงอานิเมะ เป็นเวทีที่เราจัดขึ้นเพื่อให้เยาวชนที่จะสามารถแสดงออกในสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วสานฝันออกมาเป็นรูปธรรมในอนาคตของตัวเอง นอกจากจะมีเวทีให้แล้วผู้ชนะยังจะมีโล่และเงินรางวัลให้ด้วย เป็นโซนที่เปิดบูธให้10 มหาวิทยาลัย หาเงินได้เอาไปได้เลย จะขึ้นไปบนเวทีชิงรางวัลก็ได้ บอกได้เลยว่าเป็นเวทีที่เราตั้งใจเก็บไว้ให้กับเยาวชนจริงๆ ไม่เคยคิดตัด ฉะนั้นในปีหน้าครบปีที่13 แล้ว ส่วนใครที่ชอบศิลปินตัวจริงเสียงจริงก็ต้องมาที่เวทีเจแปน เอ็กโป เวทีที่แสดงแจ๊ส
ปีนี้ยังมีความพิเศษด้านหลังเวที เจแปน เอ็กโป เราจะปิดโซนทำมีทแอนด์กรี๊ด ใครที่ต้องการแบบเอ็กคูซีฟ อยากมีตแอนด์กรี๊ด ก็สามารถซื้อบัตรเข้ามาได้ ใครอยากจับมือ หรือพูดคุยกับศิลปินก็เต็มที่ได้เลย จากนั้นในปีนี้เรายังเปิดโค้งเลี้ยวขวาขนานกับบีทีเอส จะมีการเปิดอีกหนึ่งโซนเป็นเฟสติวัล มีเกมอะไรมากมายมาลง เรียกว่าด้านนอกทุกส่วนของเซ็นทรัลเวิลด์เราใช้หมด
ในเรื่องอาหารจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นเด็ด ๆ หลายร้าน อาทิ ร้านราเม็งที่คนต่อแถวเป็นชั่วโมง น้ำแข็งใสที่ทำจากสตอรบอรี่ที่ฮอกไกโด ซึ่งทางประเทศไทยได้ซื้อเฟรนไชน์มาแล้ว รวมทั้งของสุดยอดของกินเมลอน,นม,เนื้อ,หอย ส่งตรงจากญี่ปุ่น มารวมไว้ในงานนี้
เปิดโซนเด่นสร้างงานเสริมธุรกิจ
สำหรับโซนเด่นในงานครั้งนี้ บริเวณส่วนลิฟต์แก้วของเซ็นทรัลเวิลด์ ทางจี-ยู ครีเอทีฟ ได้ทำ Culture Zone เป็นเรื่องของวัฒนธรรม ในปีนี้มีการโชว์ใส่ชุดกิมโมโน มีสตูดิโอมาจากญี่ปุ่น เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้แต่งชุดกิมโมโน แล้วถ่ายมีถ่ายภาพเป็นเป็นที่ระลึกกลับไป แล้วมีการสอนการเล่นชามิเซ็ง เด็กมาเรียนได้ มีการเขียนพู่กันญี่ปุ่น และยังมี ฮานาโซโนะ แต่ครั้งนี้มาร่วมกับ อานิเมะ เรียวมะ มาภาคใหม่
นอกจากนี้ยังมีการสอนทำมิวสิกบ๊อซ กล่องดนตรี ซึ่งสามารถเอามาทำเป็นธุรกิจได้ บริษัทที่มาสอนต้องบอกว่าดังที่สุดในญี่ปุ่น แล้วมีโซน BtoB Zone เป็นโซนเปิดตัวสินค้าต่างๆ ที่ต้องการโปรโมต หรือต้องการเปิดตัวหาคู่ค้าผู้จำหน่ายในไทยจะมีโซนนี้เพิ่มขึ้นมา ส่วนโซน Travel มีแพ็กเกจใหญ่จาก JTB ยังมีมาจำหน่ายบัตร นอกจากนี้ยังมีบริษัททัวร์ในจังหวัดต่างๆ มาแนะนำจังหวัดของตัวเองด้วย
ในส่วนของโรงหนังปีนี้จะมีหนังญี่ปุ่นมาฉายในโรงหนังทั้งหมด แล้วในบริเวณ เซ็น แกลอรี่ จะมีการจัดเป็นโซนการศึกษา มีโรงเรียน 30-40 แห่งทั้งสายโรงเรียนสอนภาษา มหาวิทยาลัย และโรงเรียนสายอาชีพบินตรงมาจากญี่ปุ่น แล้วยังมีบริษัทจัดหางานในญี่ปุ่นมาด้วยใครที่อยากทำงานในบริษัทญี่ปุ่นเชิญมาโซนนี้ได้เลย
โดยในงานนี้จะมีทุนการศึกษาให้กับเด็กหรือผู้ที่อยากไปเรียนและทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นอาทิ สายทันตแพทย์ สายทางด้านโมบาย ฯลฯ จะมีการให้ทุนไปเรียนภาษาที่ญี่ปุ่น เสร็จแล้วจะมีบริษัทญี่ปุ่นรองรับ จะมีทั้งหมด 10 กว่าทุน ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการทำแบบนี้
พร้อมลุยต่อประเทศเพื่อนบ้าน
ในปีที่ผ่านมา จียู ครีเอทีฟ ได้จัดงาน เจแปน เอ็กโป ที่ประเทศมาเลเซีย ด้วย ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีผู้สนใจมาร่วมงานกว่า 4 หมื่นคน ขณะนี้ จียู ครีเอทีฟ เตรียมไปจัดงานที่เมียนมาร์ เพราะประเทศเพิ่งเปิด ซึ่งประเทศญี่ปุ่นไปลงทุนทางธุรกิจเป็นจำนวนมาก
คุณยุพเรศ เผยว่า กว่าเราจะสร้างงานๆ หนึ่งในต่างประเทศมันหลายเรื่อง ดังนั้นจะเลือกประเทศที่เรามีเพื่อน จะให้เพื่อนเป็นตัวตั้ง ซึ่งตอนแรกว่าจะไป อินโดนีเซีย ก็น่าจะดีกว่าเมียนมาร์ด้วยซ้ำ แต่เผอิญในเมียนมาร์ ได้รับเลือกให้เป็นประธานของนักธุรกิจไทยของโครงการ Young Entrepreneur Network Development (Yen-D) Yen-D Myanmar Batch Seanson2 ซึ่งเป็นโครงการของกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งเป็นโครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
ในแต่ละปีโครงการจะมีจัดรวมนักธุรกิจ 4 ประเทศ คือในกลุ่ม CLMV มีประเทศ Cambodia, Laos , Myanmar ,Vietnam ซึ่งใน CLMV เขาจะให้นักธุรกิจของไทยที่เป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ และนักธุรกิจจากประเทศCLMV นี้มาเรียนร่วมกัน คิดว่าเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันมากกว่า เพราะเราเชื่อเรื่องการนำ "มิตรภาพ" มาก่อนการทำธุรกิจ ซึ่งตนเองเลือกเรียนแบบพม่า เลยเป็นนักเรียนไทย 1 ใน 30 กว่าคนฝั่งไทยที่มาลงเรียนในโครงการนี้โดยเรียนร่วมกับพม่าที่ทำธุรกิจเช่นเดียวกัน
"ต้องบอกว่าเป็นโครงการที่ทำให้เราได้เพื่อนดีๆ มาเยอะมาก ตอนนี้ไปพม่าเลยเหมือนไปเยี่ยมครอบครัว เพราะทุกครั้งที่ไปจะมีเพื่อนๆ มาคอยต้อนรับพาไปโน่นไปนี่ ซึ่งตอนนี้เรากับเขาอาจยังไม่ได้มีอะไรทำร่วมกันได้ แต่คุยไปคุยมามีแนวโน้มจะทำธุรกิจอื่นต่อยอดร่วมกัน อย่างล่าสุดตอนนี้ได้ซื้อคอนเทนต์การ์ตูน Doraemon ไปฉายที่เมียนมาร์ โดยมีการพากย์การ์ตูนเป็นภาษาเมียนมาร์ ซึ่งเป็นอนิเมการ์ตูนเรื่องแรกที่มีการพากย์อย่างเป็นทางการฉายบนรายการโทรทัศน์ที่นั่น เพราะปรกติจะเป็นซับไตเติ้ล ซึ่งเราอยากให้เด็กเล็กๆ เข้าใจ บางคนยังอ่านหนังสือไม่ได้ เราอยากไปสร้างมาตรฐานที่ดีให้กับวงการโทรทัศน์ที่เมียนมาร์"
เปิดประสบการณ์มาเลเซีย
คุณยุพเรศ กล่าวว่า เราไปจัดในประเทศที่เรามีเพื่อน มีพี่มีน้องเยอะดีกว่า เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นเราจะได้มีเพื่อนช่วย อย่างที่มาเลเซียมีญาติมาสิบกว่าปีแล้ว พอจบงานมีคนบอกว่า คุณเป็นคนแรกและครั้งแรกที่จัดงานเจแปนอีเว้นท์ ซึ่งเหมือนไปกระตุ้นการตลาดมาเลเซียมาก เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าจัด กลัวมาก เพราะเป็นประเทศที่มีอิสลาม เรื่องของการแต่งตัวจึงต้องระวังมาก ไปที่โน่นเราก็จะเลือกไอดอลที่ใส่ชุดคลุมเข่าคลุมขาเลย แล้วเน้นเป็นผู้ชายมากกว่า ส่วนคุณกุ้ง ศรุดา ดีไซเนอร์ไทย น่ารักเอาแฟชั่นไทยไปด้วย แต่ทำออกมาเป็นมุสลิมแฟชั่นโชว์ โดยมีมุสลิมแฟชั่นโชว์จากญี่ปุ่นบินมาร่วมด้วย
"ปรากฏว่า กระแสตอบรับดีมากๆ สื่อมวลชนให้ความสนใจวิ่งมาทำข่าวเอง เพราะเป็นปีแรกไม่ได้จ้างพีอาร์ เพราะงบไม่มี เราลงทุนไปสิบห้าล้านบาทไม่ใหญ่เท่าเมืองไทย แต่เท่ากับ 1 ใน 3 ของการลงทุนของประเทศเลย ซึ่งการไปลงทุนในต่างประเทศแพงมาก ไม่ว่าทั้งเรื่องการก่อสร้าง เรื่องคน เรื่องวีซ่า ทุกอย่าง 3 เท่าของประเทศ เราเลยทำใหญ่เหมือนประเทศไทยไม่ได้ การพีอาร์กํยังไปโคกับห้างที่จัดงาน เขาก็ขึ้นจอLED ใหญ่ที่สุดในมาเลเซียให้หนึ่งเดือนเต็ม ตีค่าโฆษณาประมาณสิบล้านได้ ปรากฏว่ามีข่าวขึ้นหน้าแรกหนังสือพิมพ์จีนที่ดังมากของที่โน่นลงรูป PIKOTARO (พิโก ทาโร่) แล้วมาเอาข่าวจากเว็บไซต์เราไปเขียนเอง"
นอกจากนี้ข้อดีของมาเลเซียคือ หนังสือเป็นอินเตอร์เนชั่นเนล เป็นภาษาอังกฤษ จึงทำให้ข่าวของมาเลเซียดังไปทั่วโลก อยู่ดีๆ มีคนติดต่อมาจากประเทศอื่นเพราะเขาอ่านออก แม้แต่ประเทศจีนก็มี จึงทำให้มาเลเซียเป็น first response ที่ดีมากสำหรับเราในการขยายออกไปประเทศแรก ผลที่ออกมาโชคดีเท่าทุน ซึ่งการทำงานของตนเองจะเน้นต้องไม่ขาดทุน ถ้าออกมาเท่าทุนก็ยังดี หลังจากนี้ต่อไปคงจัดที่เมียนมาร์ซึ่งอยู่ในช่วงกำลังเตรียมตัว ส่วนมาเลเซียต้องมีครั้งที่สองเดือนกรกฎาคม 2018 แน่นอน และได้มองประเทศอื่นไว้ด้วย อย่างที่เวียดนามและอินโดนีเซีย เพราะมีเพื่อนอยู่ ในช่วงแรกขอเลือกประเทศที่เราจับต้องได้ก่อน"
CSR คืนสู่สังคมช่วยเด็กป่วยมะเร็ง
ในงาน "Japan Expo Thailand 2018" ได้มีจัดกิจกรรมหารายได้จะมอบให้มูลนิธิสายธารแห่งความหวัง เพื่อช่วยเด็กที่เป็นมะเร็งในขั้นสุดท้าย ใช้ชื่อโครงการว่า Hi! Project โดยได้ทำเสื้อขาย เริ่มจำหน่ายไปแล้วได้พอประมาณราคาตัวละ 288 บาท โดยรายได้ทั้งหมด ไม่มีการหักค่าใช้จ่ายเลย แล้วมอบให้กับทางมูลนิธิฯ
คุณยุพเรศ กล่าวว่า Hi! Project เป็นอีกหนึ่งโครงการที่มี คุณกุ้ง-ศรุดา นิ่มพิทักษ์พงษ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสนับสนุนหลักในการทำร่วมกับ จียู ครีเอทีฟ ด้วย โดยพี่กุ้งเป็นโปรดิวเซอร์ทำเทเลมูฟวี่เรื่อง "วัยซ่าส์ทะลุมิติ" ที่จะฉายครั้งแรกในโรงหนังหลังงานเจเปน เอ็กโป ไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ราว ๆ เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า แต่จะมีการเปิดขายบัตรในงานเจแปน เอ็กโป ก่อน ซึ่งบัตรขายได้เท่าไหร่จะนำมารวมกับการขายเสื้อ แล้วมอบเงินกันในวันฉายหนังรอบแรกเลย
"Japan Expo Thailand 2018 เป็นงาน 3 วันที่รวมที่สุดของญี่ปุ่นมาอยู่ตรงนี้จริงๆ ที่สำคัญงานนี้เป็นงานฟรีอีเวนท์ มีคนถามว่าทำไมเราไม่เก็บเงินเพราะงานเจแปน เอ็กโปที่ฝรั่งเศส เก็บเงินได้หลายสิบล้านจากการเข้างาน แต่เราไม่กล้าทำแบบนั้นการที่งานเกิดขึ้นมาได้ก็ต้องขอขอบคุณคนที่ช่วยให้งานนี้เกิดขึ้นมาได้จริงๆ เราเองก็พยายามทำดีที่สุด และดึงคนญี่ปุ่นมาออกงานนี้เกือบพันคนนี่ยังไม่รวมผู้ติดตามศิลปิน หรือแฟนๆ ที่บินตามมา นอกจากนี้ศิลปินบางคนเสร็จงานก็ยังอยู่ต่อ แบบจบงานก็พาเที่ยวไทยด้วย ทั้งนี้ในปีที่ผ่านจากการจัดงาน 3 วัน เรามีคนหมุนเวียนมาร่วมงานประมาณห้าแสนคน ทำเอาที่จอดรถของห้างไม่มีที่จอดเลย งานครั้งนี้กำลังจะโคกับ grab และ uber ให้คนที่มางานเจแปน เอ็กโปจะได้รับส่วนลด เพื่อจะได้ไม่ต้องขับรถมา" คุณยุพเรศกล่าวทิ้งท้าย
ร่วมพิสูจน์และเป็นส่วนหนึ่งกับความเป็นที่สุดของญี่ปุ่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย และในแถบเอเชีย ระหว่างวันที่ 26-28 มกราคม 2561 ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.japanexpothailand.com,www.gyucreative.com, www.facebook.com/japanexpointhailand