นางปะราลี สุคนธมาน ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า "ก.ล.ต. เตรียมความพร้อมผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์รับมือกับการแข่งขันจากทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น และการเข้ามาของเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) โดยส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจหลักทรัพย์ให้พร้อมรับมือกับความท้าทายดังกล่าว ควบคู่ไปกับการปรับปรุงเกณฑ์ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการประกอบธุรกิจทั้งรายปัจจุบันและรายใหม่ในการนำเสนอบริการรูปแบบต่าง ๆ ที่ตรงตามความต้องการของผู้ลงทุนมากขึ้น"
เกณฑ์สำคัญที่มีการปรับปรุงจะช่วยให้เกิด ease of doing business อาทิ (1) การกำหนดทุนจดทะเบียนชำระแล้วสำหรับผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบและความเสี่ยงของผู้ประกอบธุรกิจมากขึ้น เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ โดยไม่สร้างภาระเกินความจำเป็นต่อภาคธุรกิจ (2) ระบบใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์ โดยผู้ประกอบธุรกิจสามารถเลือกขอได้ตามรูปแบบการทำธุรกิจของตน ซึ่งจะสามารถรองรับธุรกิจหลักทรัพย์ที่จะเกิดใหม่ได้ทุกประเภทในอนาคต โดยไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาต upfront และ (3) การปรับเกณฑ์เกี่ยวกับที่ปรึกษาการลงทุนเพื่อให้สามารถให้บริการข้อมูลสำหรับผู้ลงทุนและต่อยอดได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น
"ใน 3-5 ปีข้างหน้า น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านบริการอย่างมากในตลาดทุน ก.ล.ต. และภาคธุรกิจต้องพร้อมปรับตัว รู้ทันและเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ซึ่ง ก.ล.ต. พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจเกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อพร้อมสำหรับการแข่งขัน จุดหมายหลักคือให้ผู้ประกอบธุรกิจมีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ต่ำลงและมีความคล่องตัวมากขึ้น สามารถพัฒนาและนำเสนอสินค้าและบริการที่หลากหลายที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนได้มากขึ้น ในขณะที่ผู้ลงทุนได้รับความสะดวกและเข้าถึงบริการได้ง่ายขึ้นด้วยต้นทุนที่ถูกลง นอกจากนี้ เรื่องความมั่นคงของระบบ อาทิ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านไซเบอร์ และการคุ้มครองผู้ลงทุนเพื่อให้ผู้ลงทุนเองมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุน ยังเป็นเรื่องที่ ก.ล.ต. ให้ความสำคัญโดยตลอด" นางปะราลี กล่าว