นายชัชชัย สุเมธโชติเมธา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ "SKE" กล่าวว่า " เรายินดีและมั่นใจเป็นอย่างยิ่งที่หุ้นไอพีโอ SKE (ราคา 1.80 บาท) ได้เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นวันแรก และเชื่อมั่นว่าหุ้น SKE จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย โดยบริษัทฯได้วางแผนที่จะปรับปรุงและยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานสำหรับสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชนให้ครบวงจร เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเริ่มจากโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพระบบสูบอัดและจ่ายก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (NGV) เพื่อเพิ่มคุณภาพ ลดต้นทุนและเตรียมความพร้อมในการรองรับปริมาณการอัดก๊าซธรรมชาติในอนาคต และ โครงการเพิ่มจำนวนช่องจ่ายก๊าซธรรมชาติ NGV (Trailer Bay) ที่สาขาบ้านนา - แก่งคอย จังหวัดสระบุรี จากเดิมจำนวน 12 ช่องจ่าย เป็นจำนวน 20 ช่องจ่าย คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2561 โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบแลกเปลี่ยนความร้อน (Heat Exchanger System) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปริมาณการอัดก๊าซธรรมชาติ และเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน โครงการปรับปรุงระบบ Pipeline ท่อก๊าซธรรมชาติและระบบควบคุมภายในสถานี และโครงการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักรในการสูบอัดก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น"
คุณชัชชัย กล่าวต่อว่า "นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนที่จะลงทุน โครงการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NVG ตามแนวท่อ (Conventional Station) แบบ Ex pipeline เป็นการจัดตั้งสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ NGV ตามแนวท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติ สามารถจัดหาก๊าซธรรมชาติได้ตลอดเวลา ซึ่งจำหน่ายให้กับผู้ใช้บริการ เช่น รถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ และรถบัสขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบของบริษัทฯ คาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาส 1 ปี2562 "
บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ " SKE " ผู้ให้บริการสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเอกชน(Private Mother Station : PMS) รายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศไทย โดยให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติ (NGV) ให้รถขนส่งก๊าซธรรมชาติของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อขนส่งไปให้กับสถานีบริการ NGVนอกแนวท่อส่งก๊าซ (สถานีลูก) รวมถึงดำเนินการปรับปรุงคุณภาพก๊าซธรรมชาติ เพื่อเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดก่อนที่จะนำไปใช้ในส่วนอื่นๆต่อไป โดยได้ทำสัญญาระยะยาว 20 ปี กับกลุ่มปตท.
บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ " SKE " มีผลประกอบการที่มั่นคง และเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยผลการดำเนินงานในปี2559 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 414 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้ 363 ล้านบาทในปี 2558 และรายได้ 297 ล้านบาทในปี 2557 โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 128 ล้านบาท ในปี 2559 เพิ่มขึ้นจาก กำไรสุทธิ 117 ล้านบาทในปี 2558 และ 110 ล้านบาทในปี 2557 คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ ร้อยละ 30.80 ร้อยละ 32.10 และ ร้อยละ37.07 ของรายได้รวมตามลำดับ
สำหรับผลประกอบการในงวด 9 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2560 แม้ว่าจะมีรายได้ลดลง เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 แต่บริษัทฯ ยังคงมีรายได้สม่ำเสมอและรักษาปริมาณการอัดก๊าซธรรมชาติขั้นต่ำตามสัญญาธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติหลักโดยเอกชนที่ทำกับ ปตท. ประกอบกับ บริษัทมีแผนการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นแนวทางที่จะสามารถผลักดันผลการดำเนินงานของบริษัทให้สามารถเติบโตอย่างมั่นคงได้