การประกวดเฟ้นหาสุดยอด "สิ่งประดิษฐ์เพื่อทุกชีวิตปลอดภัยบนท้องถนน" ของโครงการ ทุนการศึกษา Go Further Innovator Scholarship 2017 ชิงรางวัลเงินทุนการศึกษา รวม670,000 บาท จำนวน 20 ทุน โดยทีมชนะเลิศได้รับทุนการศึกษา 100,000 บาท 1 ทีม และทีมรองชนะเลิศได้รับทุนการศึกษา 30,000 บาท 19 ทีม ในปีนี้ได้รับเกียรติจาก ดร. ชิต เหล่าวัฒนา ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม นายสนิท สุวรรณศร ผู้บริหารสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน และประธานมูลนิธิร่วมพัฒนาชนบทไทย-อาเซียน และนายคมสัน นันทจิต นักแสดงและพิธีกรรายการโทรทัศน์ให้เกียรติร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน
นางสาวศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า "ฟอร์ดมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งแรงสำคัญในการสนับสนุนด้านการศึกษาให้กับนักเรียนไทยโดยเปิดโอกาสให้นักเรียนระดับอาชีวศึกษาทั่วประเทศได้ร่วมคิดค้นนวัตกรรมสร้างสรรค์เพื่อแก้ไขปัญหาการใช้รถใช้ถนน รวมถึงการสร้างประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิตและสามารถนำสิ่งประดิษฐ์ไปต่อยอดพัฒนาเป็นนวัตกรรมที่มีมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจ ผลงานของทีมวิทยาลัยการอาชีพอู่ทองที่ได้รับรางวัลชนะเลิศได้แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์จากสิ่งใกล้ตัวในชีวิตประจำวันจริงๆ สามารถตอบโจทย์แก้ไขปัญหาของผู้ขับขี่รถยนต์ได้จริงและยังมีแนวโน้มในการนำไปต่อยอดพัฒนาใช้งานได้จริงอีกด้วย"
ด้านนักเรียนวิทยาลัยการอาชีพอู่ทองที่ได้รับรางวัลชนะเลิศเผยว่า "ทีมของเราตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันจึงอยากจะทำสิ่งประดิษฐ์ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ทุกคนได้ช่วยกันระดมความคิดและทุ่มเทอย่างมากกับผลงานสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ เวทีนี้เป็นเวทีที่ให้โอกาสพวกเราได้มาแสดงผลงาน เราภูมิใจมากที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในโครงการ Go Further Innovator Scholarship 2017 ของฟอร์ดมาได้ ซึ่งถือเป็นเวทีที่ให้ประสบการณ์ที่ดีกับพวกเราทุกคนและจะนำสิ่งที่ได้จากประสบการณ์ครั้งนี้ไปพัฒนาต่อยอดผลงานให้ดียิ่งขึ้น"
นักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษาในครั้งนี้ยังมีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการ Ford Driving Skills for Life หรือโครงการฉลาด ขับ ประหยัด ปลอดภัย ซึ่งเป็นกิจกรรมอบรมให้ความรู้ด้านการขับขี่ปลอดภัยจากฟอร์ด โดยผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับการฝึกอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ทั้งยังสามารถนำข้อมูลและความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ขับขี่จริงบนท้องถนน ในปีนี้ ฟอร์ดได้จัดโครงการดังกล่าวขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 และมีผู้ผ่านการอบรมในประเทศไทยแล้วกว่า 11,000 ราย