นางสิริวิภา สุพรรณธเนศ ผู้ช่วยเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า "ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนกับบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณภาพดีได้โดยศึกษาข้อมูลจากรายงานสำคัญต่าง ๆ ที่สำคัญ อาทิ รายงาน 56-1 และรายงานอื่น ๆ ตามรอบระยะเวลา อาทิ รายงานงบการเงินรายไตรมาส งบการเงินประจำปี รายการคำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ซึ่งรายงาน 56-1 จะเปิดเผยข้อมูลสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่ (1) การประกอบธุรกิจ ครอบคลุมลักษณะของบริษัท หรือกลุ่มบริษัท บริษัทย่อย ที่ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบัน (2) การจัดการและการกำกับดูแลกิจการ โครงสร้างกรรมการและผู้บริหาร ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร นโยบายการกำกับดูแลกิจการและความรับผิดชอบต่อสังคม รายการที่เกี่ยวโยงกัน อาทิ การทำรายการระหว่างบริษัทจดทะเบียนกับบริษัทย่อย (3) ส่วนวิเคราะห์และคำอธิบายฐานะการเงินของบริษัท
อย่างไรก็ดี ก่อนบริษัทจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น จะมีกระบวนการกลั่นกรองในเบื้องต้นตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (CG) และเมื่อเข้ามาอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ก็ยังมีกลไกการกำกับดูแลให้บริษัทจดทะเบียนนั้นมีคุณภาพ ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส มีระบบควบคุมภายใน รวมถึงมีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเพียงพอ โดยหลักการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนของ ก.ล.ต. เกิดจากการแนวคิดที่มุ่งสร้างมาตรฐานและเสนอมาตรการที่ช่วยพัฒนากิจการ พัฒนาผู้ลงทุน โดยการสร้างกลไกให้เกิดจากวินัยของผู้ปฏิบัติเอง รวมถึงผู้มีส่วนร่วมในตลาด เพื่อเสริมการทำหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย โดยจะเน้นการตรวจสอบการทำหน้าที่ของกรรมการและผู้บริหาร ให้ปฏิบัติตามหลัก CG ด้วยการตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบ ทำเพื่อประโยชน์ของบริษัท ไม่ทำสิ่งที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกมาตรการเบื้องต้นไปแล้ว เพื่อช่วยจัดกลุ่มบริษัทจดทะเบียนที่มีปัญหาฐานะการเงิน ปัญหาด้านงบการเงิน หรือปัญหาลักษณะธุรกิจ โดยการขึ้นเครื่องหมาย "C" และกำหนดให้เป็นหุ้นที่ซื้อขายด้วย cash balance ซึ่งจะได้นำมาใช้ต่อไป
สำหรับผู้ลงทุนนอกจากจะต้องศึกษาข้อมูลรายงานสำคัญที่บริษัทเปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างสม่ำเสมอ ยังควรใช้รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของบริษัท ( KAM) ให้เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังมีรายงานเกี่ยวกับการได้มาหรือจำหน่ายทรัพย์สิน (รายการ MT) และรายการที่เกี่ยวโยงกัน (รายการRPT) ที่จะเปิดเผยรายการระหว่างบริษัทจดทะเบียนกับบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทที่ผู้ลงทุนควรทราบ ซึ่งผู้ลงทุนต้องให้ความสำคัญกับการติดตามดูแลบริษัทที่เลือกลงทุน เพราะหลายครั้งที่หน่วยงานกำกับดูแลอาจไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการห้ามบริษัทไม่ให้กระทำการใด ๆ แต่ด้วยข้อมูลที่เปิดเผยอย่างเพียงพอ จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งสัญญาณสำคัญให้แก่ผู้ลงทุนว่าควรเลือกลงทุนในบริษัท ดังนั้น ก.ล.ต. จึงกำหนดให้บริษัทต้องรายงานและเปิดเผยข้อมูลอย่างทันท่วงที เมื่อบริษัทประสบความเสียหายอย่างร้ายแรงหรือหยุดประกอบกิจการ เกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะการประกอบธุรกิจ หรือทำสัญญาให้ผู้อื่นมีอำนาจในการบริหาร การถูกครอบงำกิจการ หรือกรณีอื่นที่มีหรือจะมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์หรือการตัดสินใจลงทุนของผู้ถือหุ้น"
"ผู้ลงทุนเป็นผู้มีส่วนสำคัญในห่วงโซ่คุณภาพของการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ผู้ลงทุนจึงควรใช้สิทธิของตนและรักษาผลประโยชน์โดยการศึกษาข้อมูล อ่านรายงานสำคัญ และใช้โอกาสเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นซักถามผู้บริหารเพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนเพียงพอในการประกอบการตัดสินใจ" นางสิริวิภากล่าวเสริม