จากการสำรวจความคิดเห็นประธานกรรมการบริษัทที่มาร่วมงาน Chairman Dinner ของ IOD เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งมีผู้ตอบแบบสอบถาม 49 คน พบว่ามีเพียง 2% เท่านั้นที่ยังไม่มีแผนดำเนินการใดๆ เลยเกี่ยวกับเรื่องความยั่งยืน ในขณะที่อีก 16% ระบุว่ามีแผนจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาภายใน 1-2 ปีข้างหน้า
"ความยั่งยืนเป็นประเด็นสำคัญที่ธุรกิจทุกวันนี้จะมองข้ามไม่ได้ การทำธุรกิจที่แสวงหากำไรสูงสุดอย่างเดียวอาจล้าสมัยไปแล้วสำหรับแนวคิดทางธุรกิจในปัจจุบัน ผมคิดว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่บริษัทชั้นนำของไทยส่วนใหญ่ตื่นตัวและให้ความสำคัญกับเรื่องของความยั่งยืน ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว" ดร. บัณฑิต กล่าว
ผู้ตอบแบบสอบถาม 77.6% ระบุว่าประเด็นที่คณะกรรมการบริษัทจะใช้เวลาพิจารณาในการประชุมคณะกรรมการมากขึ้นในปีหน้าคือเรื่องกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ในขณะที่ 61.2% บอกว่าจะให้เวลามากขึ้นกับเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่วนอีก 55.1% บอกว่าจะคุยเรื่องการบริหารความเสี่ยงมากขึ้น ที่น่าสนใจเป็นพิเศษก็คือ 22% ระบุว่าจะใช้เวลาหารือเรื่องการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพิ่มขึ้น และ 18.4% บอกว่าจะให้เวลากับการพิจารณาเรื่องแนวทางการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันมากขึ้น
นอกจากเรื่องที่ส่งผลโดยตรงกับผลประกอบการของบริษัทอย่างกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ และการบริหารความเสี่ยงแล้ว การที่คณะกรรมการของบริษัทส่วนใหญ่จะใช้เวลามากขึ้นในการพิจารณาเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน ในขณะที่อีกหลายบริษัทก็จะให้เวลามากขึ้นกับการพิจารณาเรื่องการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าธุรกิจชั้นนำของไทยส่วนใหญ่ให้น้ำหนักกับเรื่องของการสร้างการเติบโตระยะยาวมากกว่าการแสวงหาผลตอบแทนระยะสั้น ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียอื่นๆ มากขึ้น พร้อมที่จะพัฒนาองค์กรของตัวเองให้สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายธุรกิจสะอาดที่ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน
สำหรับมุมมองต่อทิศทางเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ผู้ตอบแบบสอบถาม 59.2% มองว่าจะดีขึ้นเล็กน้อย และ 18.4% มองว่าจะดีขึ้นมาก ในขณะที่ 14.3% มองว่าจะทรงตัว โดยมีเพียง 6.1% ที่มองว่าจะแย่ลงเล็กน้อย และแค่ 2.0% มองว่าจะแย่ลงมาก