ทรีนีตี้แนะลงทุนสัปดาห์นี้จับตาเฟดขึ้นดอกเบี้ย ชี้เป็นความกังวลระยะสั้นแต่เปิดทางสะสมหุ้นในระยะยาว

อังคาร ๒๘ พฤศจิกายน ๒๐๑๗ ๑๔:๔๕
ทรีนีตี้ ชี้หุ้นสัปดาห์นี้จับตาเฟดเตรียมขึ้นดอกเบี้ยเดือนธันวาคม/60 และมีนาคม/61 ระบุตลาดการเงินจีน กำหนดทิศทางตลาดหุ้นใน Emerging Market ส่งผลต่อความกังวลของตลาดระยะสั้นเท่านั้น แต่เป็นโอกาสให้สะสมหุ้นในระยะยาว

ดร. วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึง การลงทุนในหุ้นประจำสัปดาห์นี้ (27 พ.ย.-1 ธ.ค.) ให้จับตานโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่มีแนวโน้มมากกว่า 95% ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม 2017 และมีโอกาสที่จะเห็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2018 ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดอาจจะต้องปรับฐาน เพื่อสะท้อนการขึ้นดอกเบี้ยมาสู่ระดับ 1.75% ในเดือนมีนาคม 2018

"ถ้ามองในช่วงสั้นปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดหุ้นใน EM (Emerging Market : ระบบเศรษฐกิจของประเทศตลาดเกิดใหม่) คือตลาดการเงินในประเทศจีน แนะนำให้นักลงทุนติดตามตลาดหุ้นจีนอย่างใกล้ชิด รวมทั้งนโยบายของ Fed ซึ่งทั้ง 2 ปัจจัยถือว่าเป็นความกังวลแค่ระยะสั้น แต่อยากให้มองเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นในระยะยาว" ดร. วิศิษฐ์กล่าว

สำหรับในช่วงปลายปี 2017 เราได้เห็นการขายเพื่อทำกำไร (Profit Taking) ในหุ้นที่มีราคาปรับตัวสูงขึ้นกว่าการปรับตัวของดัชนีตลาด (Outperform) ตลอดปี 2017 เช่น หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ส่วนในช่วงระยะสั้นหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของภาคการบริโภคภายในประเทศ (Domestic Consumption) จะมีการ Outperform กว่าหุ้นกลุ่มที่มีการปรับตัวตามสภาวะเศรษฐกิจหรือธุรกิจ (Cyclical) รวมทั้งหุ้นกลุ่มรถยนต์ที่ Position ตัวเองมุ่งสู่รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Car) รวมถึงหุ้นในกลุ่มธนาคารที่มีการเพิ่มขึ้นของ ROE (Return on Equity : อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น) ก็จะ Outperform เช่นกัน

นายวิศิษฐ์กล่าวต่อว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับฐานในสัปดาห์ที่ผ่านมากว่า 30 จุด เป็นการปรับตัวลงตามตลาดหุ้นจีนและถือเป็นการปรับฐานย่อย นำโดยกลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่ม Cyclical ที่ถูกขายทำกำไร เนื่องจากความกังวลในตลาดการเงินของจีน

ในส่วนของประเด็นที่นักลงทุนมีความกังวลในตลาดการเงินและตลาดหุ้นจีน เช่น ภาคการปล่อยกู้ของภาคสถาบันการเงิน (Credit Market) การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทน10 ปีของพันธบัตรรัฐบาลจีนมาสู่ระดับกว่า 4% และการเริ่มมีการควบคุมของระเบียบการเงินเพิ่มขึ้น เช่น การเพิ่มอัตราดอกเบี้ย (Rate) ของธนาคารกลางขึ้นในการทำ Open Market Operation การควบคุมเรื่องการออกตราสารประเภท Wealth Management Products (WMPs) เพื่อลดความร้อนแรงของตราสารการบริหารความมั่นคั่งดังกล่าว รวมทั้ง Item ที่อยู่ใน Off Balance Sheet Item

ขณะที่สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศซื้อพันธบัตรระยะสั้น จำนวน 33,000 ล้านบาท และมีกระแสการไหลของเงินทุน (Fund Flow) ที่เข้าซื้อตลาดพันธบัตรระยะสั้นของไทยจำนวนมากถึง 48,000 ล้านบาทในเดือนพฤศจิกายน โดยตลอดทั้งปี 2017 มีเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาลงทุนในพันธบัตรระยะสั้นของไทยเป็นจำนวนถึง 320,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นอันดับต้นๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา จึงทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๑๕:๒๖ กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๑๕:๐๑ สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๑๕:๒๙ 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๑๕:๐๘ โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๑๕:๕๒ electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version