พลเอกวิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การจัดงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล เป็นดำริของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเพื่อเปิดโอกาสให้เกษตรกรรายย่อยจากทั่วประเทศได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาพบปะผู้บริโภคโดยตรง ด้วยการจำหน่ายสินค้าเกษตรในราคาย่อมเยาโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง อีกทั้งเป็นการให้ทุกกระทรวง หรือหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ หมุนเวียนมาจัดงานภายในตลาดดังกล่าว และได้มีโอกาสใกล้ชิดประชาชนด้วยการจัดแสดงผลงานผ่านนิทรรศการ และมีบริการสวัสดิการต่างๆ มาให้บริการประชาชนโดยตรงอีกด้วย โดยนายกรัฐมนตรีต้องการให้ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษมนี้ เป็นการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม พร้อมเพิ่มรายได้และเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายสินค้าแก่เกษตรกรเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ทั้งนี้รายได้จะมากหรือน้อยก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพดินฟ้าอากาศ ปัญหาเศรษฐกิจ ดังนั้น การดำเนินการตามแนวทาง "ประชารัฐ" ของรัฐบาล จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมกับยุคปัจจุบันนี้อีกด้วย
ด้าน นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ในเดือนพฤศจิกายน 2560 ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม จัดโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นำสินค้าด้านการเกษตรทั้งผักสด ผลไม้ สินค้าแปรรูปคุณภาพ ได้มาตรฐาน จากผู้ผลิตส่งตรงถึงผู้บริโภค ในงาน "ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม: ตลาดเกษตรเกรดพรีเมี่ยม" โดยมีพื้นที่จำหน่ายสินค้า 150 บูท และมีร้านค้าร่วมจำหน่ายสินค้าราว 300 ร้านค้า หมุนเวียนตลอด 3 สัปดาห์ ซึ่งแบ่งพื้นที่ออกเป็น 9 โซน ประกอบด้วย 1.โซน Young Smart Farmer และแปลงใหญ่ 2.โซน GAP และ Organic 3.โซน Q Food Court 4.โซนผู้ประกอบการ 4.0 5.โซน Show Case 6.โซนนวัตกรรม 7.โซนไม้ดอกไม้ประดับและเครือข่าย 8.โซนหม่อนไหม แปลงใหญ่ และ 9.โซนข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวครบวงจร ภายใต้แนวคิด "ตลาดเกษตรเกรดพรีเมี่ยม" ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ระหว่างระหว่างวันที่ 6-26 พฤศจิกายน2560 เวลา 09.30 - 19.00 น. พร้อมทั้งเปิดบริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันหยุดนักขัตฤกษ์
ทั้งนี้ การจัดงานที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จในหลายด้าน ได้แก่ 1.เป็นการสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการด้านการเกษตร 2.ผลการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ซึ่งภายในงานได้จัดแสดงและจำหน่ายสินค้าด้านการเกษตรที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน รวมทั้งจัดแสดงผลงานนวัตกรรมด้านการเกษตร โดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้เป็นตลาดชุมชนสำหรับเกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อย ได้มีแหล่งจำหน่ายสินค้า และ 3.กระแสตอบรับจากผู้เข้าชมงาน ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน โดยรายได้กระจายสู่เกษตรกรกว่า 26 ล้านบาท มีผู้เข้าเยี่ยมชมงานกว่า 130,000 ราย และจากผลการประเมินด้วยแบบสอบถามความคิดเห็นที่มาร่วมงานนี้พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจการจัดงานในระดับดีมาก ตลอดจนประทับใจในด้านความหลากหลายของสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพ