นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยว่า กลุ่ม KTIS ได้เปิดหีบอ้อยสำหรับฤดูการผลิตปี 2560/2561 แล้ว ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้ง 3 โรงงาน คือ โรงงานน้ำตาลเกษตรไทยฯ โรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ และโรงงานน้ำตาลเกษตรไทยฯ สาขา 3 มากกว่าฤดูการผลิตปี 2559/2560 เนื่องจากปีนี้มีปริมาณฝนมาก ประกอบกับการทำงานอย่างใกล้ชิดของพนักงานฝ่ายไร่กลุ่ม KTIS กับเกษตรกรชาวไร่อ้อย ทำให้ผลผลิตตันต่อไร่สูงขึ้นด้วย
"เมื่ออ้อยมีปริมาณมากขึ้น ก็จะสามารถผลิตน้ำตาล รวมไปถึงผลิตภัณฑ์พลอยได้อื่นๆ ทั้งเยื่อกระดาษ เอทานอล และไฟฟ้าที่ผลิตจากเชื้อเพลิงชีวมวล ก็จะได้ปริมาณมากขึ้น ส่วนราคาน้ำตาลในตลาดโลกนั้น ก็ยังเชื่อว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับปัจจุบันได้อีก" นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
ทั้งนี้ หากพิจารณาแยกเป็นรายกลุ่มธุรกิจ จะพบว่าธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลจะเติบโตดีในช่วงไตรมาสที่ 4 ของทุกปี ส่วนธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงชีวมวลเพื่อจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนั้น ก่อนหน้านี้ทั้ง 3 โรงไฟฟ้ายังไม่สามารถเดินเครื่องและขายไฟฟ้าได้อย่างเต็มที่ เพราะปัญหาเรื่องของเชื้อเพลิงบ้าง เครื่องจักรบ้าง แต่นับจากฤดูหีบนี้เป็นต้นไป ได้แก้ไขปัญหาต่างๆ ดังกล่าวแล้ว การรับรู้รายได้จากสายธุรกิจนี้ก็จะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น ทางด้านของธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษจากชานอ้อย ก็มีการเติบโตที่ดีทั้งปริมาณความต้องการที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
นายณัฎฐปัญญ์ กล่าวด้วยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 (มกราคม – กันยายน 2560) กลุ่ม KTIS มีรายได้รวม 15,305.3 ล้านบาท สูงกว่าปี 2559 ทั้งปีที่มีรายได้รวม15,086.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิงวด 9 เดือน 1,140.2 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปี 2559 ถึง 4,307%
ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 3 (ก.ค.-ก.ย.60) พบว่า รายได้ของสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายเยื่อกระดาษฟอกขาวจากชานอ้อย เติบโตสูงสุดถึง 30% เนื่องจากปริมาณการขายเยื่อกระดาษเพิ่มขึ้นแม้ว่าราคาเฉลี่ยจะลดลง รองลงมาเป็นการผลิตและจำหน่ายเอทานอล ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้น 8.7% จากราคาขายที่สูงขึ้น และธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย ก็มีรายได้เพิ่มขึ้น 4%