ผศ. ดร. ชัยฤกษ์ สงวนทรัพยากร นายกสมาคมการค้าเมล็ดพันธุ์ไทย รศ. ดร. จวงจันทร์ ดวงพัตรา นายกสมาคมเมล็ดพันธุ์แห่งประเทศไทย นายพิเชษฐ์ กรุดลอยมา นายกสมาคมปรับปรุงพันธุ์และขยายพันธุ์พืชแห่งประเทศไทย และ นายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการสมาพันธุ์เกษตรปลอดภัย จัดการประชุมโต๊ะกลมร่วมกับตัวแทนกลุ่มเกษตรกร นักวิชาการ และสื่อมวลชน เพื่อพูดคุยและรับฟังความคิดเห็นในประเด็นสำคัญด้านการเกษตรของประเทศไทยในปัจจุบัน โดยกลุ่มผู้นำองค์กรการเกษตรในประเทศไทยได้มีการลงนามและประทับตราสัญลักษณ์ของกลุ่มองค์กรเพื่อแสดงเจตจำนงร่วมกัน
สหภาพนานาชาติเพื่อคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ (International Union for the Protection of New Varieties of Plants : UPOV) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีภารกิจด้านการจัดหาและสนับสนุนการใช้ระบบการทำงานในด้านความหลากหลายของพันธุ์พืชและการคุ้มครองพันธุ์พืช โดยมีเป้าหมายในการส่งเสริมการพัฒนาพันธุ์พืชใหม่เพื่อมอบประโยชน์สู่สังคมโดยรวม
ระบบการทำงานมุ่งเน้นในเรื่องการจดสิทธิบัตรพันธุ์พืช ซึ่งเรื่องนี้อาจทำให้เกษตรกรในประเทศกำลังพัฒนาบางส่วนเข้าใจผิดว่า ตนเองจะถูกกีดกันจากการใช้งานเมล็ดพันธุ์ใหม่ที่มีสิทธิบัตรคุ้มครอง และทำให้เกษตรกรรู้สึกเสียเปรียบ ในขณะเดียวกัน กลับมีผู้โต้แย้งว่า แท้ที่จริง การคุ้มครองพันธุ์พืชน่าจะมีข้อดีมากกว่า เพราะจะทำให้เกษตรกรสามารถนำเมล็ดพืชที่ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ซึ่งสามารถต้านทานโรคและศัตรูพืชได้ดีกว่าเดิม ไปใช้งานอย่างเหมาะสมและได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น
การอภิปรายกันในประเด็นดังกล่าวนี้นับเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ส่งออกอาหาร และมีประชากรที่ประกอบอาชีพในภาคการเกษตรอยู่เป็นจำนวนมาก ฝ่ายรัฐบาลไทยแสดงการยอมรับในภารกิจของ UPOV โดยมีข้อยกเว้นเพื่อสงวนสิทธิ์และประโยชน์บางประการ
ปัจจุบัน การวิจัยและพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการด้านอาหาร อาหารสัตว์ เส้นใย และพลังงานอย่างยั่งยืน มีการดำเนินงานกันอย่างจริงจังภายใต้สภาวะการแข่งขันที่เข้มข้น ซึ่งก่อให้เกิดกระบวนการคุ้มครองสิทธิทางปัญญาและการถกเถียงถึงประเด็นที่มีความสำคัญต่อเกษตรกรและนักพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้
เป้าหมายของการประชุมเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ยังครอบคลุมถึงเรื่องสิทธิของนักปรับปรุงพันธุ์พืชในประเทศไทยและภารกิจของ UPOV
ภายใต้กฎข้อบังคับ UPOV1991 ประเทศกำลังพัฒนาจะได้รับสิทธิ์บางประการในการใช้เมล็ดพันธุ์ ซึ่งรวมถึงข้อยกเว้นสำหรับผู้เพาะเมล็ดพันธุ์เพื่อการเพาะปลูกซึ่งไม่มีจุดประสงค์ทางการค้า อาทิ การปลูกเพื่อการบริโภคในครัวเรือน เป็นต้น
ร่างปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืชแห่งประเทศไทยฉบับปัจจุบัน ยังระบุถึงข้อยกเว้นในกรณีที่รัฐมนตรีผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องตัดสินอนุมัติให้กระทำได้