กรุงเทพฯ--30 พ.ค.--ธ.ทหารไทย
ธนาคารทหารไทยโชว์ฟอร์มผู้นำครบวงจรบริการด้านธุรกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อม ล่าสุดบริหารโครงการจับคู่พันธมิตรธุรกิจไทย—เดนมาร์ก เพื่อรับถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์พลังงาน จากเดนมาร์กมาใช้ในประเทศไทย พร้อมงบประมาณสนับสนุนให้เปล่าจากรัฐบาลเดนมาร์กกว่า 150 ล้านบาท
นายปราการ ทวิสุวรรณ เจ้าหน้าที่บริหารสายงานธุรกิจสาขากรุงเทพฯ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB BANK เปิดเผยว่า ธนาคารทหารไทย นับเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลเดนมาร์กให้ทำหน้าที่ผู้บริหาร“โครงการพันธมิตร
ความร่วมมือทางธุรกิจด้านสิ่งแวดล้อม ระหว่างไทย—เดนมาร์ก” หรือ “Partnership Facility Programme in Thailand (2005-2007)” ซึ่งเป็นโครงการจับคู่พันธมิตรนักธุรกิจไทย-เดนมาร์ก เพื่อจัดตั้งธุรกิจในประเทศไทย และรับถ่ายทอดระบบเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์พลังงานจากประเทศเดนมาร์ก เช่น การผลิตโดยใช้เทคโนโลยีสะอาด การจัดการของเสีย การใช้พลังงานหมุนเวียน และพลังงานทดแทน ที่มีความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์สำหรับประเทศไทย โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการ คือ ผู้ผลิตอุปกรณ์และระบบเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานที่ต้องการพัฒนาต่อยอดและสรรหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศ โดยธนาคารมีทีมบริหารโครงการที่พร้อมจะให้คำแนะนำและรายละเอียดต่างๆ
ทั้งนี้ ธนาคารได้เริ่มทำหน้าที่ผู้บริหารโครงการ นับตั้งแต่การสรรหาผู้ร่วมทุนที่มีศักยภาพ การพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการ การติดตามโครงการ และให้คำปรึกษาต่างๆ ซึ่งมีงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลเดนมาร์ก จำนวนกว่า 150 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางพบปะเจรจาระหว่างคู่พันธมิตร การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ และการดำเนินโครงการสาธิต เป็นต้น
นายปราการ กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากเดนมาร์กเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีชั้นนำการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ประกอบกับธนาคารทหารไทยมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจพลังงานและสิ่งแวดล้อม มีฐานข้อมูลลูกค้าและเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ จึงเชื่อมั่นว่าความร่วมมือกับรัฐบาลเดนมาร์กในครั้งนี้จะส่งผลให้ธนาคารสามารถให้บริการแก่ลูกค้า และผู้สนใจลงทุนได้อย่างหลากหลายและครบวงจรมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมที่ปรึกษาด้านอนุรักษ์พลังงาน จัดงานสัมมนาย่อยเพื่อเผยแพร่ข้อมูลและรายละเอียดของโครงการไปยังสมาชิกกลุ่มเป้าหมาย และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี คาดว่าในปลายปีนี้จะมีผู้ประกอบการไทยที่มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ของโครงการ สามารถเข้าร่วมโครงการได้ไม่น้อยกว่า 5 โครงการ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
สำนักสื่อสารภาพลักษณ์องค์กร
อรธิชา /ธัญญรัตน์ โทร. 02-242-3255,53