นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) กล่าวว่า ในปี 2561 ผู้ลงทุนจะยังคงต้องเผชิญกับสภาวะดอกเบี้ยต่ำ แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น แต่เงินเฟ้อคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ โอกาสที่คณะกรรมการนโยบายทางด้านการเงินจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกลับไปสู่ระดับปกติยังคงมีน้อยอยู่ ผู้ลงทุนจึงจำเป็นต้องเน้นจัดพอร์ตการลงทุน อาจจะต้องมีการกันเม็ดเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แต่รักษาภาพรวมของพอร์ตการลงทุนให้ยังคงมีความเสี่ยงในระดับที่ผู้ลงทุนรับได้ ซึ่งกองทุนรวมแบบผสมก็เป็นทางเลือกหนึ่งและตอบโจทย์สำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้บ้างแต่ไม่มากนัก แต่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินอย่างเดียว
"สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงการลงทุนได้บ้างแต่ไม่มากนัก กลยุทธ์การลงทุนในปี 2561 อาจเลือกลงทุนในกองทุนรวมแบบผสม เช่น กองทุนเปิด ทิสโก้ ทรัพย์สมดุล 80/20 (TBGF80/20) เพราะกองทุนประเภทนี้มีนโยบายนำทรัพย์สินส่วนใหญ่ไปลงทุนในตราสารหนี้หรือเงินฝาก ซึ่งจะช่วยรักษาระดับผลตอบแทนให้อยู่ในระดับที่สม่ำเสมอ และนักลงทุนยังไม่พลาดโอกาสที่ดีหากราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นเพราะกองทุนประเภทนี้จะนำสินทรัพย์บางส่วนซึ่งไม่เกิน 20% ของพอร์ตการลงทุนไปลงทุนในหุ้นไทยด้วย ซึ่งจะตอบโจทย์ในสภาวะดอกเบี้ยต่ำต่อเนื่องในปีหน้าที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ หรือการฝากเงิน อาจจะยังคงได้รับผลตอบแทนที่ไม่น่าจูงใจเท่าที่ควร" นายสาห์รัชกล่าว
ทั้งนี้ บลจ.ทิสโก้มีกองทุนเปิด ทิสโก้ ทรัพย์สมดุล 80/20 (TBGF80/20) ซึ่งเป็นกองทุนรวมแบบผสมที่กำหนดสัดส่วนการลงทุน สามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่น โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในอดีต 4.55% ต่อปีนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (ข้อมูลถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2560) จนได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว จาก Morningstar Thailand เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2560 และเพื่อสร้างโอกาสที่ดีให้กับลูกค้า ในช่วงปลายปีระหว่างวันที่ 13 - 29 ธ.ค. 2560 บลจ.ทิสโก้ขอมอบส่วนลดค่าธรรมเนียมขาย (Front End Fee) 50% จากปกติ 0.25% ของมูลค่าซื้อขาย เหลือ 0.125% ของมูลค่าซื้อขาย ให้กับลูกค้าที่มียอดเงินลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป
สำหรับกองทุน TBGF80/20 มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ไทยคุณภาพดี ไม่ต่ำกว่า 80% และสัดส่วนที่เหลืออีกไม่เกิน 20% ลงทุนในตราสารแห่งทุนที่มีพื้นฐานดีมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยระหว่าง SET TRI 20%, ดัชนีพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุคงเหลือตั้งแต่ 1-3 ปี 40% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำเฉลี่ยของBBL, KBANK, SCB สำหรับบุคคลธรรมดาวงเงิน 1 ล้านบาท ของระยะเวลาการฝาก 1 ปีอีก 40% นับตั้งแต่เริ่มจัดตั้งกองทุนTBGF80/20 มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 5 ปี 3 ปี 1 ปี 6 เดือน 3 เดือน และตั้งแต่ต้นปี 2560 ถึงปัจจุบัน ตามข้อมูลของ บลจ.ทิสโก้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 อยู่ที่ 4.01% ต่อปี, 3.14% ต่อปี, 2.95% ต่อปี, 1.43%, 0.73% และ 1.43% ตามลำดับ ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกันดัชนีชี้วัดมีผลตอบแทนอยู่ที่ 4.97% ต่อปี, 4.02% ต่อปี, 3.58% ต่อปี, 1.59%, 0.59% และ 1.59% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน ผู้สนใจกองทุนรวมทิสโก้ สามารถติดต่อ บลจ.ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ TISCO Contact Centerโทร. 02-633-6000 กด 4