บีเอเอสเอฟเปิดโรงงานสีพ่นเคลือบยานยนต์แห่งใหม่ในประเทศไทย

พฤหัส ๑๔ ธันวาคม ๒๐๑๗ ๑๔:๒๖
หน่วยธุรกิจสีพ่นเคลือบของบีเอเอสเอฟ เปิดโรงงานสีพ่นเคลือบยานยนต์แห่งใหม่ในประเทศไทย ที่โรงงานบางปู จังหวัดสมุทรปราการ โรงงานแห่งใหม่นี้ถือเป็นโรงงานผลิตสีพ่นเคลือบยานยนต์แห่งแรกของบีเอเอสเอฟในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะผลิตทั้งสีพ่นเคลือบที่ละลายด้วยตัวทำละลาย (solventborne) และสีพ่นเคลือบที่ละลายด้วยน้ำ (waterborne) เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เติบโตในภูมิภาค

"บีเอเอสเอฟคือพันธมิตรทางธุรกิจที่เชื่อถือได้ของผู้ผลิตยานยนต์รายสำคัญทั้งหมดทั่วโลก และมีศักยภาพอย่างสูงในสีพ่นเคลือบทั้งหมดในทุกขั้นตอน" กล่าวโดยเดิร์ก เบร็ม ประธานหน่วยธุรกิจสีพ่นเคลือบของบีเอเอสเอฟ "การเปิดโรงงานแห่งใหม่นี้ แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราในการตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าสำหรับเทคโนโลยี และผลิตภัณฑ์สีพ่นเคลือบในภูมิภาคอาเซียน เพื่ออาเซียน"

ตามรายงานของ LMC Automotive ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2560 นั้น ในปีนี้ ยอดการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในภูมิภาคอาเซียน ถูกคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3.9 ล้านคัน ซึ่งเป็นยอดการผลิตในประเทศไทยมากกว่า 50% นับเป็นตลาดสีพ่นเคลือบที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน รองลงมาก็คือ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ด้วยจำนวนผู้ผลิตยานยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นซึ่งเกี่ยวข้องกับการผลิตและการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งยังมีปริมาณความต้องการของตลาดที่เติบโตขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์ และโซลูชั่นสีพ่นเคลือบที่เป็นนวัตกรรม ตลอดจนถึงการบริการทางด้านเทคนิคระดับสูง "ด้วยศักยภาพทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทย เราสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับโซลูชั่นที่มีความยั่งยืน และมีศักยภาพในการแข่งขันที่ควบคู่ไปกับการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม" กล่าวโดยปีเตอร์ ฟิสเชอร์ รองประธานอาวุโส หน่วยธุรกิจสีพ่นเคลือบ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก "การทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าในธุรกิจ ยานยนต์ทั่วโลก และทั่วภูมิภาค เรามุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรชั้นนำทางธุรกิจ และขับเคลื่อนเพื่อการเติบโต และความสำเร็จของลูกค้าในตลาดภูมิภาคอาเซียนที่มีการแข่งขันสูง"

โรงงานใหม่ที่บางปูแห่งนี้เติมเต็มความสมบูรณ์ครบครันให้กับ Coating Technical Competence Center ASEAN ซึ่งเปิดเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2558 ซึ่งตั้งอยู่ที่โรงงานบางปูเช่นกัน โดยศูนย์เทคนิคแห่งนี้มี ห้องปฏิบัติการสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การทดสอบประสิทธิภาพ การออกแบบสี และหน่วยการผลิตขนาดเล็ก เมื่อทั้งโรงงานผลิตและศูนย์ทางด้านเทคนิคตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพอย่างสูงสุดของการผลิต การดำเนินการ และความรวดเร็วในการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด การออกแบบโรงงานใหม่แห่งนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้บีเอเอสเอฟสามารถให้บริการที่เป็นไปตามความต้องการของลูกค้าเท่านั้น ยังมีศักยภาพสำหรับการขยายโรงงานในอนาคต รวมถึงความยืดหยุ่นในการปรับเพื่อบรรลุถึงข้อกำหนดต่าง ๆ ในการผลิต ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงในทิศทางของอุตสาหกรรมอีกด้วย

"บีเอเอสเอฟได้ดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนมายาวนานกว่า 50 ปี ด้วยรากฐานที่มั่นคงในประเทศไทย" กล่าวเสริมโดยแอนเดรีย เฟรนเซิล ประธานภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออก อาเซียน และออสเตรเลียนิวซีแลนด์ "ด้วยโรงงานสีพ่นเคลือบยานยนต์แห่งใหม่ของเรานี้ เราตั้งใจที่จะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในฐานะที่เป็นตลาดสำคัญ และเป็นศูนย์กลางการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียน และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านต่าง ๆ"

บีเอเอสเอฟดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมสีพ่นเคลือบในภูมิภาคอาเซียนมานานกว่า 10 ปี และวันนี้

บีเอเอสเอฟคือผู้นำอันดับหนึ่งของสีพ่นเคลือบรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๒:๑๘ เกษตร มรภ.สงขลา นำ นศ. เรียนรู้กระบวนการผลิตและตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าว
๑๒:๐๙ แค่ซ้อมก็ จึ้ง!! แล้ว คอนเสิร์ต ขนนก กับ ดอกไม้ ตอน DREAM FOR LOVE
๑๒:๕๘ ENCHANTED FEST 2024 จัดเต็ม กับ 7 ศิลปิน 7 โชว์ 7 ชม. พร้อมกิจกรรมแบบจุกๆ ร่างพร้อม คอสตูมพร้อม แล้วไปมันพร้อมกัน 31
๑๒:๑๘ แจกพิกัดให้คุณได้จับจองนับถอยหลังก้าวสู่ปีใหม่ใจกลางกรุงก่อนใคร ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ฯ เซ็นทรัลเวิลด์
๑๒:๔๒ อาชีพอิสระไม่ควรต้องเสี่ยง แอกซ่ามอบความอุ่นใจให้ทุกธุรกิจเดินหน้าอย่างมั่นใจ
๑๒:๑๔ เอส เอฟ เปิดใหม่ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ ซีเนม่า โลตัส ยะลา
๑๒:๐๕ EXIM BANK พบปะทวิภาคีองค์กรรับประกันระดับโลก สนับสนุนผู้ประกอบการไทยบริหารความเสี่ยงขยายธุรกิจส่งออกและลงทุนระหว่างประเทศ
๑๒:๒๒ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ชงรัฐปลุกกำลังซื้อส่งท้ายปี ฟื้น ช้อปดีมีคืน พร้อมผนึกกำลังผู้ประกอบการค้าปลีก ลดราคาสินค้าช่วยประชาชน
๑๒:๓๗ ศูนย์การค้าแพลทินัม ชวนช้อป ต้อนรับเทศกาลท่องเที่ยว AMAZING JOURNEY ตั้งแต่วันนี้ - 31 ต.ค.67
๑๒:๕๐ วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จัดแคมเปญพิเศษ มอบประกันภัยชั้น 1 นานถึง 3 ปี รวมสิทธิประโยชน์สูงสุด 850,000 บาท