ดร.นายแพทย์สุวิช ธรรมปาโล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 12 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ของบุคลากร สคร. 12 สงขลา เพื่อประเมินความเสี่ยงการระบาดของโรคติดต่อบริเวณจุดอพยพชั่วคราวผู้ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดตรัง พัทลุง และจังหวัดสงขลา ในช่วงวันที่ 5-8 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้น ปัญหาสำคัญคือพบโรคน้ำกัดเท้าในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวาน ซึ่งการที่เท้าต้องแช่อยู่ในน้ำเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์อาจทำให้เกิดการติดเชื้อลุกลามได้ หน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ควรสนับสนุนเรื่องการทำแผลแก่ผู้ประสบภัย การแช่น้ำเป็นระยะเวลานานยังเสี่ยงกับการป่วยเป็นโรคฉี่หนู ควรล้างมือ ล้างเท้าให้สะอาดและเช็ดให้แห้งหลังลุยน้ำ
โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังที่สำคัญอีกโรคหนึ่งในช่วงนี้คือโรคอุจาระร่วง ประชาชนในพื้นที่จะต้องรับประทานอาหารที่ปรุงสุก อุ่นจนเดือด การจำกัดขยะมูลฝอยให้ใส่ถุงดำหรือกระสอบ มัดถุงให้แน่นเพื่อป้องกันแมลงวัน ส่วนเรื่องการขับถ่าย หากไม่มีห้องน้ำให้ถ่ายใส่ถุงพลาสติก มัดถุงให้แน่นและใส่ในถุงขยะ นอกจากนี้เรื่องที่ยังคงน่าเป็นห่วงคือการใช้ชีวิตในระยะยาวในจุดอพยพชั่วคราวบางแห่งซึ่งตั้งอยู่บนถนน ในช่วงเวลากลางคืน ผู้ประสบภัยจะต้องนอนอยู่ภายในเต็นท์ อาจทำให้ทั้งผู้สูงอายุและเด็กป่วยได้ เนื่องจากอากาศค่อนข้างเย็นและยังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง เสี่ยงต่อการเป็นโรคปอดบวม และในช่วงนี้ยังต้องระวังการโดนยุงกัด ซึ่งนำมาสู่การป่วยเป็นโรคที่มียุงเป็นพาหะ เช่น โรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย เป็นต้น จึงควรนอนกางมุ้งหรือใช้ยาทากันยุงเพื่อป้องกันโรคดังกล่าว
ดร.นายแพทย์สุวิช กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่ของบุคลากร สคร. 12 สงขลาในครั้งนี้ ยังได้ สนับสนุนเวชภัณฑ์ ยาทาแก้น้ำกัดเท้า ยาทากันยุง และยาชุดสามัญประจำบ้าน แก่หน่วยงานด้านสาธารณสุขและประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ เพื่อบรรเทาปัญหาด้านโรคภัยต่างๆ และยังได้สนับสนุนสื่อแผ่นปลิวความรู้สำหรับประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันโรคและภัยสุขภาพในช่วงที่เกิดภาวะน้ำท่วม ซึ่งหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถโทรศัพท์สอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง
ฃ