"สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนที่ผ่านมา กองทุนสามารถสร้างผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ลงทุนได้อย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2549 โดยกองทุนมีการจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 24 ครั้ง รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 418.73 บาทต่อหน่วย ส่วนในรอบผลการดำเนินงาน 1 ปีที่ผ่านมา (1 ธ.ค. 59 – 30 พ.ย. 60) กองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.76% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 3.87% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.75% ต่อปี ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 3.97% ต่อปี" นายชัชชัยกล่าว
สำหรับจุดเด่นของกองทุน ABFTH คือ เป็นกองทุนรวม ETF กองทุนแรกของไทยที่มีการลงทุนโดยอ้างอิงกับดัชนีตราสารหนี้ภาครัฐ (iBoxx ABFTH Index) โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลไทย หรือออกโดยภาครัฐที่มีรัฐบาลไทยเป็นผู้ค้ำประกัน หรือได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือไม่ต่ำกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) จากสถาบันจัดอันดับที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล จึงมีความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระหนี้ต่ำมาก และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงเนื่องจากกองทุนมีอายุเฉลี่ยของตราสาร (Portfolio Duration) ยาวกว่ากองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไป ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะยาว และต้องการบริหาร Portfolio Duration ที่มีระยะเวลาเฉลี่ยประมาณ 6-7 ปี เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น โดยปัจจุบันกองทุนมีขนาดประมาณ 9,500 ล้านบาท และจดทะเบียนซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
นายชัชชัยกล่าวต่อไปว่า สำหรับมุมมองตลาดตราสารหนี้ในปี 2561 บลจ.กสิกรไทย คาดว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ยังคงมีความผันผวนตามความไม่แน่นอนในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ตราสารหนี้ไทยยังมีแรงหนุนจากปัจจัยในประเทศ ทั้งแนวโน้มดอกเบี้ยในประเทศที่น่าจะทรงตัวต่อเนื่องในปี 2561 โดยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 1.50% ไปอย่างน้อยถึงกลางปีหน้า ส่งผลดีต่อราคาตราสารที่จ่ายผลตอบแทนคงที่ ประกอบกับปริมาณความต้องการตราสารหนี้ยังมีอยู่สูง จากสภาพคล่องในระบบที่ยังมีมากพอเมื่อเทียบกับอุปทานพันธบัตรรัฐบาล ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอย่างดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธาน FED คนใหม่ ส่งสัญญาณว่าจะสานต่อนโยบายการเงินแบบระมัดระวัง ทั้งนี้ตลาดคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2-3 ครั้งในปี 2561 อย่างไรก็ตาม ตลาดยังต้องจับตาเรื่องการผลักดันร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ ว่าจะมีผลบังคับใช้ได้สำเร็จหรือไม่ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2%
ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน ABFTH สามารถซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บลจ.กสิกรไทย หรือ KAsset Contact Center 0 2673 3888