YLG มองกรอบทองคำปี 2018 ที่ 1,200-1,390 ดอลลาร์สหรัฐฯ

พฤหัส ๒๑ ธันวาคม ๒๐๑๗ ๑๐:๔๓
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ณ วันที่ 20 ธ.ค. 2017 เวลา 16.09 น. ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น 112.73 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือคิดเป็น 9.8% จากระดับราคาเปิดต้นปีที่ 1,151.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์สู่ระดับ 1,264.38 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดของปีนี้บริเวณ 1,357.54 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันที่ 8 กันยายน โดยตลอดทั้งปีราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเกือบ 9% จากความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา การพุ่งขึ้นของสกุลเงินยูโรจากการปรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป(อีซีบี) และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกทั้งในคาบสมุทรเกาหลี ตะวันออกกลางและยุโรป อย่างไรก็ตามความคืบหน้าเกี่ยวกับกฎหมายภาษีของสหรัฐฯ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)และความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงของนักลงทุนทั่วโลกเป็นปัจจัยที่กดดันการพุ่งขึ้นของราคาทองคำ

ขณะที่ราคาทองคำในประเทศปรับตัวลดลง 200 บาทต่อบาททองคำ หรือ คิดเป็นเกือบ -1% จากราคาเปิดที่ 19,800 บาทต่อบาททองคำสู่ระดับ 19,600 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำในประเทศได้รับแรงกดดันสำคัญจากการแข็งค่าของค่าเงินบาทที่นับตั้งแต่ต้นปีค่าเงินบาทแข็งค่ามาแล้วกว่า 9% จากระดับ 35.80 บาท/ดอลลาร์สู่ระดับ 32.72 บาท/ดอลลาร์

นางพวรรณ์ กล่าวว่า ในปี 2018 YLG ประเมินว่าราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 1,200-1,390 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 18,500-21,500 บาทต่อบาททองคำ โดยประเมินแนวรับแรกบริเวณ 1,236 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 19,100 บาทต่อบาททองคำ หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับดังกล่าวได้คาดว่าราคาจะค่อยๆขยับทดสอบแนวต้านได้อีกครั้ง ขณะที่แนวต้านอยู่ในโซน 1,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 21,100 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเดิมของปี 2017 หากราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่และสามารถทรงตัวเหนือแนวต้านระดับดังกล่าวได้อย่างแข็งแกร่ง ยังมีโอกาสที่ราคาทองคำจะขยับขึ้นต่อเพื่อทดสอบแนวต้านในโซน 1,390 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 21,500 บาทต่อบาททองคำ อย่างไรก็ตาม หากราคายืนแนวรับแรกบริเวณ 1,236 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไม่ได้ มีโอกาสปรับตัวลงต่อโดยมีแนวรับถัดไปบริเวณ 1,210-1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 18,700-18,500 บาทต่อบาททองคำ

สำหรับปัจจัยพื้นฐานส่วนใหญ่ที่ต้องติดตามในปี 2018 เป็นปัจจัยที่ต่อเนื่องมาจากปี 2017 โดยมีปัจจัยหนุน อาทิ ความไม่แน่นอนทางการเมืองสหรัฐ ฯ ความขัดแย้งทางการเมืองหรือGeopolitical ทั่วโลก ส่วนปัจจัยที่อาจกดดันราคาทองคำยังเป็นแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐ ฯ (เฟด) อีกปัจจัยที่นักลงทุนทองคำจะต้องจับตาเพิ่ม คือ การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั่วโลก หากในปี 2018 ตลาดหุ้นมีการปรับฐานจากความเสี่ยงต่างๆอาจกลับมาหนุนราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในปี 2018 ได้ ด้านการเติบโตของตลาดบิทคอยน์เป็นอีกข้อสังเกตใหม่ที่อาจกระทบต่อการลงทุนในตลาดทองคำเช่นกัน เพราะการพุ่งขึ้นของบิทคอยน์อาจดึงดูดเม็ดเงินเก็งกำไรออกจากตลาดทองคำ ในทางกลับกันหากเกิดการปรับตัวลงแรงของบิทคอยน์จะส่งผลให้เม็ดเงินไหลกลับเข้ามาในตลาดทองคำที่อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน จึงถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นักลงทุนทองคำต้องจับตาเพิ่มเติมในปี 2018

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับและรอไปขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นและเน้นย้ำว่านักลงทุนควรวางแผนการลงทุนที่ชัดเจน มีจุดเข้าซื้อ จุดขายทำกำไร หรือจุดตัดขาดทุนและปฏิบัติตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัด พร้อมติดตามปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลให้ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนอย่างใกล้ชิด โดยเปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,236 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 19,100 บาทต่อบาททองคำ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุดแนวรับระดับดังกล่าวแล้วถอยจุดเข้าซื้อมายังแนวรับถัดไปที่ 1,210-1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 18,700-18,500 บาทต่อบาททองคำ ทั้งนี้อาจพิจารณาแบ่งทองคำออกขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือ 21,100 บาทต่อบาททองคำ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO