มร. จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเออร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคทั่วโลกเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของไฮเออร์กันมากขึ้นเรื่อยๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (White goods) ของไฮเออร์ มียอดขายเป็นอันดับ 1 ของโลกเป็นเวลาติดต่อกันถึง 8 ปีแล้ว ถือว่าได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ทั่วโลก ซึ่งเบื้องหลังของการที่ยอดขายเป็นอันดับ 1 นั้น มาจากระบบการออกแบบ การผลิต และการตลาดระดับแนวหน้าของโลก รวมถึงระบบการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดอีกด้วย
สำหรับยอดจำหน่ายคาดการณ์ในปี 2017 ของไฮเออร์ อยู่ที่ 500,000 เครื่องทุกหมวดสินค้าโดยมีรายได้รวมประมาณ 2,700 ล้านบาท โดยเป็นสินค้าตู้เย็นประมาณ 550 ล้านบาท, เครื่องซักผ้าประมาณ 310 ล้านบาท, เครื่องปรับอากาศประมาณ 1,300 ล้านบาท, ตู้แช่ประมาณ 340 ล้านบาท, โทรทัศน์ประมาณ 155 ล้านบาท และสินค้าอื่นๆ ประมาณ 45 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นเครื่องปรับอากาศ 200,000 ชุด โดยสินค้าเครื่องปรับอากาศมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 2016 ซึ่งจากข้อมูลของ GFK ตลาดเครื่องปรับอากาศของประเทศไทยในปี 2017 มีแนวโน้มชะลอตัว แต่ยอดขายของไฮเออร์กลับเติบโตสวนทาง สินค้าของไฮเออร์ล้วนเป็นสินค้าระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ โดยไฮเออร์มีศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระดับแนวหน้าใน 10 ภูมิภาคทั่วโลก ได้แก่ ประเทศจีน สหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และอีกหลายแห่ง รวมถึงโรงงานอัจฉริยะและทันสมัยที่ใช้ระบบ IoT ระดับโลก ทั้งยังมีระบบโลจิสติกส์และระบบบริการหลังการขายระดับแนวหน้า ไฮเออร์จึงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมต่อตลาดประเทศไทย ว่าจะต้องขึ้นเป็นผู้นำในตลาดประเทศไทยให้ได้ในเร็ววันนี้
มร. จาง เจิ้งฮุ้ย กล่าวว่า ในปี 2018 การทำตลาดเครื่องปรับอากาศ ของไฮเออร์จะมีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะรุ่น Inverter, Self-cleaning และ Smart Air Conditioner ซึ่งไฮเออร์ถือว่าเป็นผู้นำตลาดในด้านเหล่านี้อยู่แล้ว สำหรับกลยุทธ์ของเครื่องปรับอากาศไฮเออร์ จะปรับตำแหน่งของเครื่องปรับอากาศไฮเออร์ให้อยู่ในระดับไฮเอนด์ ทำให้เครื่องปรับอากาศไฮเออร์เติบโตในประเทศไทยอย่างรอบด้าน ซึ่ง ณ ตอนนี้ไฮเออร์มีทั้งฝ่ายวิจัยพัฒนา ฝ่ายการผลิต และฝ่ายจัดจำหน่าย ครอบคลุมทุกส่วนงานในประเทศไทย
ในปี 2018 ไฮเออร์จะเปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ รวมทั้งสิ้น 8 ซีรีย์ 25 รุ่น ประกอบด้วยประกอบไปด้วยเครื่องปรับอากาศแบบติดผนัง 7 ซีรีย์ 24 รุ่น และเครื่องปรับอากาศแบบตั้งพื้น 1 ซีรีย์ 1 รุ่น โดยสินค้าเด่นจะเป็นเครื่องปรับอากาศแบบอินเวอร์เตอร์ ที่มีฟังค์ชั่นที่น่าสนใจเช่น Eco-pilot sensor เซ็นเซอร์อัจฉริยะ ตรวจจับคนในห้องและสามารถสั่งการให้ลมเย็นได้ตามต้องการ Light sensor วัดความร้อนและความเข้มของแสงที่เข้ามาในห้องเพื่อให้เครื่องปรับอากาศปรับอุณหภูมิให้เย็นอยู่ตลอดเวลา Human sensor ตรวจจับความเคลื่อนไหวของคนภายในห้อง ส่งความเย็นได้ตรงจุด PID DC Inverter ประหยัดมากกว่าด้วยการควบคุมการทำงานคอมเพรสเซอร์และมอเตอร์ช่วยให้ประหยัดไฟได้มากขึ้น Smart control ด้วยการควบคุมเครื่องปรับอากาศ ผ่านสมาร์ทโฟน ด้วยระบบ Wifi และมากกว่าอินเวอร์เตอร์ด้วย เทคโนโลยี Self-Cleaning หนึ่งเดียวที่เครื่องปรับอากาศสามารถล้างได้ด้วยตัวเอง เพียง 20 นาที ผู้ใช้จึงสามารถล้างแอร์ได้บ่อย และส่งผลดีต่อสุขภาพ
ในปัจจุบัน ไฮเออร์ได้มีการผลักดันสินค้าที่เป็นไฮเอนด์ ลงทุนทำหน้าร้านกับดิสเพลย์ และขยายตลาดในส่วนของไฮเออร์โซน, สเปเชียลช็อป และล่าสุดกับไฮเออร์ Shop in Shop ที่ชั้น 4 สยามพารากอน ซึ่งลูกค้าที่สนใจผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด สามารถเลือกชมได้สะดวกมากขึ้น และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ง่ายขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีหลัง ได้นำตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็น Mid-high end เข้ามาจำหน่ายเพื่อที่ว่าปีหน้าจะได้มีการยกระดับไฮเออร์ เพื่อให้เกิดยอดขายที่ดียิ่งขึ้นในตลาด เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าไฮเออร์ได้ซัพพอร์ตทุกช่องทางให้กับดีลเลอร์ และในปีหน้า ไฮเออร์จะมีกิจกรรมทางการตลาดทุก ๆ ประเภท ไม่ว่าจะเป็น seasonal activity กับทางหน้าร้านของดีลเลอร์เองหรือว่ากิจกรรมทางการตลาดอื่น ๆ และโฆษณาทางโทรทัศน์ ซึ่งกำลังจะเปิดตัวในอีกไม่ช้า
"ไฮเออร์ได้กำหนดพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ เป็น บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ เพื่อแสดงออกถึงความรักและความเอาใจใส่ และสื่อสารให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ๆมากขึ้น แน่นอนว่าพวกเราก็คาดหวังว่าลูกค้าของเราจะชื่นชอบเครื่องปรับอากาศ Haier เหมือนกับที่พวกเขาชื่นชอบพรีเซนเตอร์ของเรา" มร. จาง เจิ้งฮุ้ย กล่าว