นายสมศักดิ์ หลิมประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีที ไดร์ แอนด์ เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPT ผู้ให้บริการระบบไฟฟ้ากำลังสำหรับควบคุมการทำงานของเครื่องจักร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถเชิงการแข่งขันแก่ภาคอุตสาหกรรม ครอบคลุมถึงการจำหน่ายอุปกรณ์และระบบควบคุมไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงให้บริการติดตั้งและก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้นำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น CPT จะเร่งแผนดำเนินงานรุกขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ รวมถึงลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศในทุกกลุ่มธุรกิจเพิ่มเติม เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานในปี 2561 ทั้งในแง่ของรายได้และกำไรเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
สำหรับแผนดำเนินงานการตลาดในประเทศนั้น CPT จะเข้าร่วมประมูลงานจากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ รวมถึงขยายฐานลูกค้าภาคเอกชนที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เพิ่มเติม จากปัจจุบันที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักในภาคอุตสาหกรรมน้ำตาล ปูนซีเมนต์ เหล็กและกระดาษ โดยมีเป้าหมายต้องการขยายฐานลูกค้ากลุ่มธุรกิจขายตู้ไฟฟ้าระบบควบคุมมอเตอร์ขนาดใหญ่ที่ไปขับเคลื่อนเครื่องจักร ซึ่งถือเป็นสินค้าที่ทำรายได้หลักให้แก่บริษัทฯ มากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับแผนดำเนินงานก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อผลิตตู้ไฟ MCSG ที่เป็นมาตรฐานโลกและมีความปลอดภัยสูง, ประกอบตู้ Ring Main Unit เพื่อรองรับงานสายไฟฟ้าใต้ตินของการไฟฟ้าฯ ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2561 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีงานให้บริการและการปรับปรุงสินค้าให้แก่ลูกค้ารายเดิม โดยนำเสนอสินค้าใหม่ทดแทนของเก่า เช่น การเปลี่ยนตู้ไฟฟ้าระบบควบคุมมอเตอร์ขนาดใหญ่ที่ไปขับเคลื่อนเครื่องจักร ซึ่งในแต่ละปีจะมีมูลค่างานเฉลี่ย 300 ล้านบาทอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ยังเร่งเข้ารับงานก่อสร้างสถานีโรงไฟฟ้าย่อยในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน เพื่อเพิ่ม Backlog ในมือ จากปัจจุบันที่มีอยู่มากกว่า 500 ล้านบาท และคาดว่าในจำนวนนี้จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2561 ทั้งหมด
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CPT กล่าวว่า ส่วนแผนงานขยายตลาดต่างประเทศนั้น CPT จะจัดตั้งสำนักงานขายในประเทศเวียดนาม ฟิลิปินส์ อินโดนีเซีย เพื่อรับโอกาสการค้าการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนที่ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมโรงงานน้ำตาลในกลุ่มประเทศดังกล่าว ที่ขยายการลงทุนเพื่อรองรับผลผลิตที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสดีของ CPT ที่จะนำเสนอสินค้ากลุ่มตู้ไฟฟ้าระบบควบคุมมอเตอร์ขนาดใหญ่ที่ไปขับเคลื่อนเครื่องจักรไปยังลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มเติมอีกด้วย โดยมีเป้าหมายภายในปี 3-5 ปีข้างหน้า จะมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 500 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท
"เรามีความพร้อมเต็ม 100% ในการรุกขยายธุรกิจให้ได้ตามแผนงาน จากความพร้อมด้านเงินทุนและฐานการผลิตที่แข็งแกร่งทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตเพื่อสร้างกำไรขั้นต้นที่ดี พร้อมนำเสนอสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมานานกว่า 30 ปี ทำให้มีขีดความสามารถการแข่งขันในธุรกิจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น จึงมั่นใจว่าจากแผนดำเนินงานในปี 2561 จะผลักดันการดำเนินงานเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%" นายสมศักดิ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลก่อนหน้านี้ ซึ่งระบุสัดส่วนหุ้นที่ไม่ติด Silent Period ของ CPT อยู่ที่ 45% รวมกับหุ้น IPO ใหม่อีกจำนวน 270 ล้านหุ้น ซึ่งคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เนื่องจากหุ้นที่ไม่ติด Silent Period นั้นมีจำนวน 152,091,000 หุ้น หรือคิดเป็น 16.90% ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดจำนวน 900 ล้านหุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 0.50 บาท ส่วนที่เหลือเป็นหุ้นที่ติด Silent Period จำนวน 747,990,900 หุ้น หรือคิดเป็น 83.10% ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ขณะที่ผู้บริหาร CPT ยืนยันจะไม่มีการขายหุ้นออกมาแต่อย่างใด เนื่องจากมีความเชื่อมั่นถึงทิศทางการดำเนินงานที่มีโอกาสเติบโตตามการค้าการลงทุนทั้งจากภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชนทั้งในประเทศและในภูมิภาคอาเซียนที่ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลประกอบการของ CPT เติบโตได้ดี