เอ็นฟอร์ซ เผยทิศทางธุรกิจปี 2561 ตั้งเป้ารายได้โต 15 เปอร์เซ็นต์ มุ่งขยายตลาด พร้อมเพิ่มช่องทางซัพพอร์ทลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง

จันทร์ ๒๕ ธันวาคม ๒๐๑๗ ๑๓:๑๐
เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว เผยทิศทางธุรกิจปี 2561 ยังคงมุ่งขยายตลาดให้ครอบคลุมฐานลูกค้าทุกภาคส่วน โดยปีนี้ตั้งเป้าโต 15% พร้อมเพิ่มช่องทางซัพพอร์ทให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า 24 ชั่วโมง ตอบรับแนวโน้มภัยคุกคามที่เติบโตสูง

นายนักรบ เนียมนามธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด ผู้นำด้านการจัดจำหน่ายระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจรในประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2560 ที่ผ่านมานั้น บริษัทฯ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยมีอัตราการเติบโต 12 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากปัจจุบัน ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นมีจำนวนมาก และซับซ้อนมากขึ้น และสามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงได้มากกว่าที่ผ่านมา ดังนั้นหลายองค์กรจึงต้องมุ่งเน้นสร้างระบบความปลอดภัยด้านไอที ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และครอบคลุมทุกจุด ซึ่งในปีนี้ทางบริษัทฯ ได้มีมีการเสริมทัพโดยได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ชั้นนำน้องใหม่ถึง 3 ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนทีมงานของบริษัทฯที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค และได้รับใบประกาศนียบัตรรับรองในระดับเอเชีย-แปซิฟิก จนได้รับความไว้วางใจจากพาร์ทเนอร์และลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับนโยบาย และกลยุทธ์การทำตลาดในปี 2561 บริษัทฯ ได้วางแผนขยายตลาดและเพิ่มช่องทางการซัพพอร์ทผ่านออนไลน์ และโซเชียล มีเดีย ด้วยทีมซัพพอร์ทที่มีความเชียวชาญ และสามารถเข้าช่วยเหลือหรือแก้ปัญหาให้ลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าการเติบโตในปี 2561 ที่ 15%

"โดยในปีนี้ มีการเพิ่มเติมผลิตภัณฑ์ที่เป็นสุดยอดเทคโนโลยีที่มีผู้ใช้ทั่วโลกถึง 3 ผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์แรกคือ AIC ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ด้าน Next Gen Data Center ที่มีความชำนาญในการทำ Hyper Converged, Storage และ Smart Rack ผลิตภัณฑ์ที่ 2 คือ Ruijie ที่มีเทคโนโลยี เอ็กซ์- เซนส์ (X-Sense) ที่ได้ทำการคิดค้น และออกแบบ โซลูชั่นสำหรับระบบเครือข่ายไร้สาย ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของแต่ละองค์กร โดยได้รับการรับรองจากบริษัทชั้นนำ* ว่าสามารถช่วยให้อุปกรณ์ รองรับปริมาณข้อมูล (Throughput) ได้สูงที่สุดเท่าที่เคยมีการทดสอบมา และผลิตภัณฑ์ที่ 3 คือ Colasoft ผลิตภัณฑ์ชั้นนำด้านการจัดการประสิทธิภาพและวิเคราะห์การทำงานของระบบเน็ทเวิร์ค (Network Performance Analysis & Management) นอกจากทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์น้องใหม่แล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์ชั้นนำอย่าง Fireglass ซึ่งเป็นผู้นำทางด้าน Threat Isolation เป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองอย่างมาก โดย Fireglass ปัจจุบันถูก Symantec ซื้อกิจการมา"

สำหรับแนวโน้มไอที ซีเคียวริตี้ที่มาแรงในปี 2561 นั้น บริษัทฯ มองว่า ระบบด้านการรักษาความปลอดภัยจะเน้นเป็นเชิงรุกมากขึ้น คือ การตรวจจับ หรือ Detectionมากกว่าการตั้งรับป้องกันเพียงอย่างเดียว โดยจะเน้นการตรวจจับแบบเรียลไทม์ และการสร้างปลอดภัยให้ระบบคลาวด์ที่กำลังเติบโต ที่หลายองค์กรต่างย้ายไปสู่ PaaS/SaaSแพลทฟอร์ม ดังนั้นระบบความปลอดภัยบนคลาวด์จึงถูกโฟกัสและความความสำคัญมากขึ้น และจากปีที่แล้วที่หลายองค์กรต่างพยายามพัฒนาหรือการนำ DevOps เพื่อปรับปรุงการทำงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นในปีหน้านี้องค์กรจะมุ่งเน้นสร้างความปลอดภัยให้ระบบ DevOps เรียกว่า DevSecOps ที่จะคอยตรวจสอบ Codeต่างๆเพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น

ส่วนในด้านผลิตภัณฑ์ไอที ซีเคียวริตี้ ที่น่าจับตามอง เป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เทรนด์ไอทีที่เกิดขึ้น อย่างการรักษาความปลอดภัยในศูนย์ข้อมูล หรือดาต้า เซ็นเตอร์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ด้านทราฟิกวิซิบิลิตี้ (Traffic visibility) ในการนำข้อมูลในดาต้า เซ็นเตอร์มาใช้วิเคราะห์และวัดประสิทธิภาพการทำงานของระบบ ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ดาต้า เซ็นเตอร์ หรือองค์กรธุรกิจที่มีการใช้งานและ/ หรือการให้บริการระบบคลาวด์ ทั้งคลาวด์ส่วนตัว และคลาวด์สาธารณะ ที่ต่างก็มียอดผู้ใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันมัลแวร์ซึ่งหลายคนอาจรู้จักมาบ้างแล้วอย่าง เทรด ไอโซเลชั่น (Threat Isolation) ที่ช่วยแยกแยะมัลแวร์ออกจากไฟล์ต่างๆทั้งไฟล์ภาพหรือวิดีโอและไฟล์เอกสารได้อย่างเด็ดขาด ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานไฟล์เหล่านั้นได้อย่างปลอดภัย เทรด ไอโซเลชั่น (Threat Isolation) ถือว่าน่าจับตามองที่สุดเพราะมีการเติบโตทุกปี โดยจะเติบโต 50% ของทุกปีหรือสองเท่าตัวนับจากปี 2017 นี้ โดยเป็น 1 ใน 10 เทคโนโลยีสำคัญที่สุดตามที่ Gartner ได้จัดอันดับไว้ และคาดว่าภายในปี 2021 บริษัทหรือองค์กรประมาณ 50% จะต้องใช้เทคโนโลยีนี้

นอกจากนี้นายนักรบยังกล่าวเพิ่มเติมว่า "เมื่อปีที่แล้วนโยบาย 4.0 กระตุ้นทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อผลักดันให้เกิดการใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อน จนเป็นระบบดิจิตอล แต่การใช้เทคโนโลยียิ่งมากเท่าไหร่ ต้องเสริมระบบความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ทุกองค์กรจึงจำเป็นต้องวางแผนระบบความปลอดภัยทางด้านไอทีที่รัดกุม ครอบคลุม ทั้งการป้องกันและการตรวจจับ เพื่อตั้งรับทั้งเชิงรุกและเชิงรับกับภัยคุกคามที่ซับซ้อนและยากตรวจจับมากยิ่งขึ้น และเพื่อให้การดำเนินงานหรือธุรกิจในยุค 4.0 เป็นไปอย่างราบลื่น"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ