ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยชวนส่องแนวโน้มอสังหาฯปี 2561

อังคาร ๒๖ ธันวาคม ๒๐๑๗ ๑๗:๒๑
นาย พนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด คาดการณ์ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ จะเป็นหนึ่งในตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตมากที่สุดโดยโอกาสที่จะเติบโตอยู่ในเกณฑ์ประมาณ 5-7% ในแง่ของจำนวนยูนิตและมูลค่าของโครงการ สอดคล้องกับผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่ยังเห็นว่าตลาดมีโอกาสที่จะเติบโตจึงมีการวางแผนผลักดันธุรกิจจากภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยที่มีศักยภาพ ในขณะที่ตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ในปีหน้าน่าจะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักเช่น การวางผังห้องชุด ขนาดของยูนิต แต่ผู้พัฒนาโครงการจะมองหาการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ (facility) เพื่อสร้างความแตกต่างของโครงการและช่วยสนับสนุนการขาย โครงการส่วนใหญ่จะหันมาใช้ระบบที่จอดรถอัตโนมัติ (automate parking) เพื่อเพิ่มปริมาณที่จอดรถภายในโครงการ ซึ่งสามารถเพิ่มเนื้อที่ได้ประมาณ 20-30% จากระบบที่จอดรถแบบเดิม รวมถึงการใช้ระบบ home automation มากขึ้น

การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในปีหน้าจะยังเน้นไปตามแนวรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ รถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายสายสีเขียวที่กำลังก่อสร้างอยู่ ตลาดจะขยายตัวไปยังบริเวณพื้นที่ชานเมืองช่วยให้ผู้อยู่อาศัยเดินทางเข้าเมืองสะดวก คำนวนระยะเวลาถึงจุดหมายปลายทางได้ สำหรับตลาดบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ซึ่งอยู่บริเวณชานเมืองจะมีอัตราการขยายตัวที่ต่ำ ปัญหาการจราจรยังคงเป็นปัญหาหลัก เนื่องจากโครงการพัฒนาบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ตั้งอยู่ไกลจากรถไฟฟ้า การตัดถนนใหม่เพื่อรองรับปริมาณรถและการจราจรที่เพิ่มขึ้นมีน้อยมาก ตลาดคอนโดจึงมีสถานะที่ได้เปรียบเนื่องจากอยู่ใกล้รถไฟฟ้าและยังใช้ที่ดินเพื่อก่อสร้างไม่มากอีกด้วย

ตลาดผู้ซื้อคอนโดเกรด B-C ยังคงเป็นคนไทยเป็นหลัก สำหรับคอนโดในพื้นที่บริเวณสุขุมวิท รถไฟฟ้าสายสีเขียว-แบริ่ง รถไฟฟ้าใต้ดิน-บางซื่อ ลาดพร้าว จะมีชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น เช่น จีน ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์และไต้หวัน ในขณะที่นักลงทุนจากประเทศแถบอื่นๆมีบ้างแต่ไม่มาก

ปัจจัยที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจซื้อแตกต่างกันออกไปตามแต่ละตลาด

1.ตลาดคอนโด ผู้ซื้อจะคำนึงถึงทำเลเป็นหลัก เนื่องจากการเดินทางเข้าสู่เมือง เป็นปัจจัยสำคัญ นอกจากนี้ ตัวโครงการ ขนาดของยูนิต สิ่งอำนวยความสะดวก และราคาก็จะถูกนำมาพิจารณาเช่นกัน

2. ตลาดบ้านและทาวน์เฮาส์ ผู้ซื้อจะคำนึงถึงพื้นที่การใช้สอยเป็นหลัก ตามด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการและทำเลของโครงการ

ในขณะที่แนวโน้มตลาดทรัพย์สินเพื่อการอุตสาหกรรม การเติบโตจะขึ้นอยู่กับการสนับสนุนนโยบายจากภาครัฐ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี โดยเฉพาะโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งถ้าเป็นรูปเป็นร่างจะทำให้ตลาดอุตสาหกรรมเติบโตขึ้นขณะเดียวกันก็จะช่วยดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติได้อีกด้วย ในส่วนของตลาดโลจิสติกส์และคลังสินค้า ก็จะมีการเติบโตในเชิงของปริมาณ ตลาดสำนักงานมีทิศทางที่เป็นบวกเนื่องจากปริมาณอุปทาน (Supply) ที่เข้าตลาดยังมีอยู่น้อย ขณะที่เศรษฐกิจและภาคธุรกิจยังมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ความต้องการใช้สำนักงานจะเพิ่มมากขึ้น อัตราค่าเช่ายังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO