ภายในค่าย น้องๆ ได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมการทดลอง ตลอด 3 วัน 2 คืน เริ่มจากกิจกรรมละลายพฤติกรรมแบบ Soft Side เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ในกิจกรรม Who am I เปิดโอกาสให้น้องๆ ได้เผยตัวตน ผ่านการจินตนาการรูปวาด สัญลักษณ์แทนตัวเราในปัจจุบัน และอนาคต เพื่อกระตุ้นเจตคติที่ดี ในการย้อนมองตัวเอง และเห็นคุณค่าของคนรอบข้าง ก่อนจะมาร่วมพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม เพื่อฝึกฝนการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ในกิจกรรม Team Building เช่น สถานีมหาอุดสุดหินเกมการบริหารจัดการความเป็นทีมเวิร์กของแต่ละกลุ่ม ด้วยการร่วมมือค้นหาวิธีการเติมน้ำลงไปในท่อพี.วี.ซี. ที่มีรูระบาย จะทำอย่างไรให้น้ำให้เต็มจนล้น เพื่อทำให้ภารกิจบรรลุไปได้ด้วยดีร่วมกัน ทุกคนจึงต้องอาศัยทักษะความสามัคคีกันอย่างพร้อมเพรียง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเข้าฐานแรลลี่ เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้หลักการวิทยาศาสตร์ ในหัวข้อต่างๆ ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง อาทิกิจกรรม ดอกไม้ไฟในหลอดทดลอง เรียนรู้เรื่องหลักการการทำปฏิกิริยาเคมี โดยการนำธูปใส่เข้าไปในหลอดทดลอง ที่มีผักและผลไม้สกัดอยู่ภายใน เมื่อสารไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ทำปฏิกิริยากับธูป ผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้เกิดประกายไฟได้อย่างน่าทึ่ง จากนั้นมาเรียนรู้กิจกรรมที่ประยุกต์องค์ความรู้เรื่องโครงสร้างทางวิศวกรรมสุดท้าทาย ในกิจกรรม สะพานกู้ชีพ ให้น้องๆ ร่วมระดมสมอง ประลองปัญญา คิดค้นวิธีสร้างสะพานขนาด 1 เมตร โดยใช้เส้นสปาเก็ตตี้มาเป็นโครงสร้าง ผลลัพธ์ที่ได้ในแต่ละกลุ่ม จึงเป็นไอเดียที่หลากหลายอย่างน่าเหลือเชื่อ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการทดลองอีกมากมาย ที่เรียกได้ว่าทุกกิจกรรม เป็นการเปิดเวทีให้น้องๆ ได้ฉายแวว อัจฉริยะนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์กันอย่างจัดเต็ม
น้องแพท ณัฐภรณ์ ผิวขาว อายุ 17 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 กล่าวว่า "การเข้าร่วมค่ายครั้งนี้ ทำให้ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น กิจกรรม Who Am I ที่พวกเราได้วาดรูปตัวเราเองในปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งรูปที่หนูวาดตัวเองในปัจจุบัน คือรูปกล่องที่ปิดฝา เพราะว่าในปัจจุบัน หนูคิดว่าหนูยังอยู่ในกรอบที่ต้องทำอยู่ เช่น เรื่องการเรียน ส่วนรูปในอนาคต คือรูปจักรวาล เพราะหนูคิดว่าในอนาคตเมื่อหนูโตขึ้นแล้ว หนูสามารถทำสิ่งใดก็ได้อย่างเป็นอิสระ ถือได้ว่ากิจกรรมนี้ทำให้หนูรู้จักตัวเองและเพื่อนๆ มากขึ้น นอกจากนี้ภายในค่ายยังมีกิจกรรมที่ให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิศวกรรม เทคโนโลยี และศิลปะ ประยุกต์รวมกันอีกหลายกิจกรรม ทำให้หนูได้เห็นว่าหลักการในทุกๆ ด้านที่กล่าวมามีความสำคัญอย่างมากในชีวิตจริง ไม่ใช่แค่ในบทเรียนอย่างเดียว"
น้องเมย์ นฎคล จันทราช อายุ 16 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กล่าวว่า "การมาเข้าค่ายในครั้งนี้ ทำให้ได้มีโอกาสอยู่ร่วมกับคนที่เราไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่ว่าพอมาทำงานด้วยกันจริงๆ ทำให้รู้สึกว่าจริงๆ แล้ว เราก็ไปด้วยกันได้ ส่วนความรู้ที่ได้จากค่ายนี้มีมากมายเลยค่ะ เพราะว่ามีกิจกรรมที่หลากหลายมาก เช่น กิจกรรมมหาอุดสุดหิน ที่ได้ใช้ทั้งความคิด และความสามัคคีกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน หรือกิจกรรมความลับของน้ำอัดลม ทำให้ได้รู้ว่าแก๊สที่อยู่ในน้ำอัดลม เป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำปฏิกิริยากับน้ำ ถือเป็นความรู้ใหม่สำหรับหนู ถ้ามองในภาพรวมทุกกิจกรรม เราสามารถนำเทคนิคต่างๆ มาปรับใช้กับการเรียนได้ด้วยค่ะ"
สถานการณ์โลกปัจจุบัน เรามีช่องทางในการเรียนรู้ที่เข้าถึงง่ายขึ้นอยู่รอบด้าน ฉะนั้นการเรียนรู้ในห้องเรียนอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงของบริบทสังคมโลกในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาทักษะในวัยเรียน ต้องอาศัยการเรียนรู้อย่างผสมผสานระหว่างบทเรียนและจากประสบการณ์ตรงจากการลงมือปฏิบัติจริง รวมถึงการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม จากการแบ่งกลุ่ม ที่จะทำให้เด็กได้คิด วิเคราะห์ และต่อยอด เพื่อการเรียนรู้อย่างครบวงจร ฉะนั้นการสนับสนุนให้เด็กได้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อปลุกทักษะการเรียนรู้จากภายในสู่ภายนอก จึงเป็นก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จในอนาคตนั่นเอง
สำหรับหน่วยงานหรือโรงเรียนที่ต้องการจัดค่ายและกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ให้เด็กๆ นอกห้องเรียน นานมีบุ๊คส์สามารถออกแบบค่ายและกิจกรรมในหลักสูตรที่เหมาะสมสำหรับเด็กทุกช่วงวัย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0-2662-3000 ต่อ 5226, 4425, 4323 หรือ Call Center 02-662-3000 กด 1 และwww.nanmeebooks.com หรือ www.facebook.com/nanmeebooksfan