นายธรรศพลฐ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 5 แต่หลังการซื้อขายในครั้งนี้จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วนร้อยละ 41.3 ได้เปิดเผยถึงเหตุผลในการเข้าซื้อหุ้น AAV จากครอบครัวศรีวัฒนประภาว่า ตนเองมีความผูกพันกับธุรกิจสายการบินที่ตนเองได้ลงมือลงแรงตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้งสายการบิน และการถือหุ้นในสัดส่วนดังกล่าวทำให้กำหนดทิศทางบริษัทได้แน่นอนมากขึ้น
"ขอให้ความมั่นใจว่า ผมและทีมงานผู้บริหารสายการบินที่ร่วมก่อตั้งสายการบินกันมาตั้งแต่วันแรกยังคงเป็นกำลังสำคัญในการทำหน้าที่บริหารของไทยแอร์เอเชียต่อไป พร้อมกับพนักงานที่ทุ่มเทในการทำงานเต็มที่จนเรามีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศเป็นอันดับหนึ่ง โดยไทยแอร์เอเชียยังยืนยันการลงทุนเพื่อการเติบโตตามแผนปี 2561 นี้ โดยจะรับเครื่องบินใหม่จำนวน 7ลำ และคาดการณ์ผู้โดยสารอยู่ที่ 22 ล้านคน พร้อมเจาะตลาดอาเซียน อินเดีย และจีน" นายธรรศพลฐ์กล่าว
โดยการเข้าซื้อหุ้น AAV ในครั้งนี้ นายธรรศพลฐ์ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ทั้งนี้ภายหลังจากการซื้อขายหุ้น AAV จากครอบครัวศรีวัฒนประภาเสร็จสมบูรณ์ นายธรรศพลฐ์มีหน้าที่ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประกาศคณะกรรมการตลาดทุนที่ ทจ. 12/2554 เรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือครองหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ที่จะต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของกิจการ (Mandatory Tender Offer) โดยจะยื่นคำเสนอซื้อวันที่ 8 มกราคม 2561 เพื่อเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือจากผู้ถือหุ้นอื่นๆ ประมาณร้อยละ 58.7 ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ AAVที่ราคาเสนอซื้อที่ 4.70 บาทต่อหุ้น