นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคแบบครบวงจรแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม และเขตประกอบการอุตสาหกรรมได้แก่จำหน่ายน้ำดิบ ผลิตและจำหน่ายน้ำเพื่ออุตสาหกรรม การบริหารจัดการน้ำเสีย และธุรกิจพลังงาน โดยลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เปิดเผยว่า WHAUPได้ดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้า กัลฟ์ ทีเอส 4 เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา โดยโครงการดังกล่าวเป็นโรงไฟฟ้าผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer –SPP) ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท ดับบลิวเอชเอ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ WHAUP ถือหุ้นร้อยละ 99.99 และบริษัท กัลฟ์ เอ็มพี จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 25.01 และ 74.99 ตามลำดับ
สำหรับโครงการดังกล่าวมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งทั้งหมด 129.9 เมกะวัตต์ และกำลังการผลิตไอน้ำติดตั้ง 25.0 ตันต่อชั่วโมง ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด (HESIE) อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง
ทั้งนี้โรงไฟฟ้า กัลฟ์ ทีเอส 4 เป็นโรงไฟฟ้าแห่งที่ 5 ใน Portfolio การร่วมทุนระหว่างกลุ่มบริษัท WHAUP และ บริษัท กัลฟ์ เอ็มพี จำกัด ถัดจากโรงไฟฟ้า กัลฟ์ วีทีพี โรงไฟฟ้ากัลฟ์ ที เอส 1 โรงไฟฟ้ากัลฟ์ ทีเอส 2 และโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ทีเอส 3 ซึ่งได้เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ไปแล้วเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2560 วันที่ 8 กรกฎาคม 2560 วันที่ 1 กันยายน 2560 และวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมาตามลำดับ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP กล่าวว่า ปัจจุบัน WHAUP มีกำลังการผลิตตามสัญญาตามสัดส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่เริ่มดำเนินผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 509.7 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้า 5 โรงดังกล่าวข้างต้น) และอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาอีกจำนวน 33.2 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ทั้งหมดภายในปี 2562
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมขนาด 6.9 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการภายใต้การ Joint Venture ของบริษัท ดับบลิวเอชเอ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ WHAUP กลุ่มโกลว์ และ SUEZ เพื่อร่วมลงทุนในบริษัท อีสเทิร์นซีบอร์ด คลีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 33.33 ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างซึ่งใช้เวลาประมาณ 24 เดือน โดยจะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 4/2562 รวมทั้ง 2 โครงการที่จะเปิดในปี 2562 จำนวน 32.3 เมกะวัตต์ ส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าครบ 542.9 เมกะวัตต์ตามแผน