นายสุนันท์ นวลพรหมสกุล รองผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย ในฐานะรองโฆษกการยางแห่งประเทศไทย กล่าวแจงประเด็นที่มีผู้กล่าวหาการจัดซื้อปุ๋ยของ กยท.ว่า การจัดหาปุ๋ยให้ชาวสวนยางที่ได้รับทุนปลูกแทน เป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 มาตรา 37 วรรค 2 ที่ได้บัญญัติไว้ว่า การปลูกแทน ให้ส่งเสริมและสนับสนุนโดยการจ่ายให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางซึ่งยางพันธุ์ดี พันธุ์ไม้ยืนต้น พันธุ์พืช ปุ๋ย เครื่องมือเครื่องใช้ จัดบริการอย่างอื่นช่วยเหลือ หรือจ่ายเงินให้ก็ได้ ทั้งนี้จะจัดให้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างก็ได้ ซึ่งการดำเนินการจ่ายค่าปุ๋ยที่ผ่านมา มีการดำเนินการในหลายรูปแบบ ทั้งการจ่ายเป็นเงินให้เกษตรกรไปซื้อปุ๋ยใส่เอง การโอนสิทธ์การรับเงินค่าปุ๋ย ให้กลุ่ม/สถาบันเกษตรกรเป็นผู้จัดหาปุ๋ยให้ และการยางแห่งประเทศไทย (หรือในฐานะ สกย. เดิมที่เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้) เป็นผู้จัดหาให้ ซึ่งแต่ละวิธีมีทั้งข้อดีและข้อเสียรวมถึงวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ การจัดหาปุ๋ยสำหรับช่วงตั้งแต่กลางปีงบประมาณ 2560 (1เมษายน 2560) เป็นต้นไป กยท. ได้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการปุ๋ยของการยางแห่งประเทศไทยที่มีผู้แทนจากภาครัฐและภาคเกษตรกรในการทำหน้าที่เสนอแนวทาง ติดตาม กำกับ และตรวจสอบการบริหารจัดการปุ๋ย พร้อมทั้ง ยังมีตัวแทนคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เป็นผู้พิจารณาเลือกแนวทางที่เหมาะสม เพื่อมอบเป็นนโยบายในการทำงานเรื่องนี้ของ กยท. ทั้งนี้ การดำเนินดังกล่าวมีมติเห็นชอบให้การยางแห่งประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินการจัดหาปุ๋ยตามข้อบังคับคณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทยว่าด้วยการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับยางพารา พ.ศ.2559 และใช้วิธีการประมูลทางอิเลคทรอนิกส์ เป็นไปอย่างโปร่งใส และเป็นธรรม
นายสุนันท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขั้นตอนดำเนินการสำหรับการจัดหาปุ๋ย เป็นไปตามระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งได้กำหนดไว้ ตั้งแต่การจัดทำขอบเขตของงาน (TOR) และเอกสารประมูลปุ๋ยนำประกาศร่างเอกสารประกวดราคาด้วยวิธีทางอิเลคทรอนิกส์เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของส่วนราชการ เปิดให้มีการเสนอแนะและวิจารณ์โดยมีผู้เปิดเผยตัว ปรับปรุงแก้ไขร่างประกาศและร่างเอกสารประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์พร้อมความเห็น ประกาศเอกสารประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ลงเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของส่วนราชการอีกครั้ง ทั้งนี้การประมูลที่ผ่านมา มีผู้ซื้อเอกสารประมูลปุ๋ยเคมี จำนวน 11 ราย และประเภทปุ๋ยอินทรีย์ จำนวน 20 ราย โดยผู้ที่ยื่นซองประมูลจะต้องดำเนินการประมูลด้วยวิธีทางอิเลคทรอนิกส์ ซึ่งมีผู้รับผิดชอบจัดการประมูล ทำหน้าที่ดำเนินการ สำหรับประเด็นสำคัญที่คณะกรรมการการยางแห่งประเทศไทย เลือกใช้วิธีการจัดหาเองแทนการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกร เพราะข้อกฎหมายของพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าการให้ทุนเพื่อปลูกแทน ไม่ใช่เงินให้เปล่า แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องไปจัดหาปัจจัยการผลิตเท่านั้น ซึ่งอาจมีบางส่วนที่ได้รับเงินไปแล้วอาจไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ อีกทั้งคุณภาพของปุ๋ยที่ กยท. จัดหาได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร สามารถตรวจสอบได้
"ชนิดและปริมาณปุ๋ยนั้นเป็นไปตามความต้องการใช้ของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางที่อยู่ในการสงเคราะห์ โดยมีการยางแห่งประเทศไทยระดับจังหวัด ประสานกับกลุ่ม/สถาบันเกษตรกร ในการเข้าร่วมโครงการ ซึ่งการจัดหาปุ๋ยครั้งนี้ดำเนินการในพื้นที่ปลูกยางพาราหลัก 18 จังหวัด (ได้แก่ ภาคใต้ 14 จังหวัด รวมกับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระยอง จันทบุรี และตราด) เป็นปุ๋ยเคมี จำนวน 34,724.2 ตัน (ประกอบด้วย แม่ปุ๋ย ปุ๋ยเคมีผสมสูตร 20-8-20 และปุ๋ยเคมีผสมสูตร25-8-18) และปุ๋ยอินทรีย์ จำนวน 30,000 ตัน รวมปริมาณทั้งหมด 64,724.2 ตัน ที่สำคัญ มีการตรวจรับและสุ่มตัวอย่างปุ๋ยเพื่อส่งวิเคราะห์ ที่ปลายทางจุดจ่าย มีประมาณ 300 จุด ซึ่งมีตัวแทนเกษตรกรและเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตรกรรมการตรวจวิเคราะห์ปุ๋ย ก่อนที่จะส่งปุ๋ยที่มีคุณภาพถึงมือเกษตรกรชาวสวนยางผู้ใช้ต่อไป" นายสุนันท์ กล่าวย้ำ