กลุ่มคอนซูเมอร์ประสบความสำเร็จกับยอดการขายออร์แกนิคถึง 4.7 เปอร์เซ็นต์ (มูลค่าต้นทุนตั้งต้น 3.4 เปอร์เซ็นต์)
เทซ่า (tesa) มียอดการขายสูงขึ้น 10.6 เปอร์เซ็นต์ (มูลค่าต้นทุนตั้งต้น 9.7 เปอร์เซ็นต์)
คำแนะนำด้านกำไรก่อนภาษีและต้นทุนทางการเงินได้รับการยืนยันแล้ว
กำไรหลังการหักภาษีคาดว่าจะอยู่ที่ 10 เปอร์เซ็นต์
ไบเออร์สด๊อรฟ ประกาศสถิติยอดการขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ไปพร้อมกับการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ในช่วงปี 2560 ที่ผ่านมา โดยกลุ่มธุรกิจในส่วน คอนซูเมอร์ (Consumer) และ เทซ่า (tesa) มีส่วนในการเติบโตที่เข้มแข็งนี้ด้วย ทั้งนี้ยอดขายของบริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ เติบโตอย่างมั่นคงตลอดช่วงต้นปี2560 ที่ผ่านมา ตามมาด้วยการเติบโตที่ผกผันกับเทรนด์ในอุตสาหกรรมช่วงไตรมาสที่สาม ซึ่งทางบริษัทยังคงเร่งทำยอดขายให้เติบโตยิ่งขึ้นกว่าเดิมในไตรมาสสี่ จากผลการดำเนินธุรกิจเบื้องต้น ซึ่งตัวเลขยังไม่ได้รับการตรวจสอบ พบว่า ยอดการขายแบบออร์แกนิคในกลุ่มบริษัท (Group) สูงขึ้น 5.7 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าต้นทุนตั้งต้นสำหรับยอดการขาย (nominal terms) สูงขึ้น 4.5 เปอร์เซ็นต์ โดยเพิ่มขึ้นถึง 7.055 พันล้านยูโรจาก 6.752 พันล้านยูโร กลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์ ประสบความสำเร็จจากยอดการขายแบบออร์แกนิคที่สูงขึ้นถึง 4.7 เปอร์เซ็นต์ และเทซ่า ที่ประสบความสำเร็จจากการมีจุดยืนทางการตลาดยอดเยี่ยม โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 10.6 เปอร์เซ็นต์
ไบเออร์สด๊อรฟ คาดว่า กำไรก่อนภาษีและต้นทุนทางการเงิน ในกลุ่มบริษัทและกลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์จะสูงขึ้นกว่าปีก่อน เล็กน้อย โดยกลุ่มธุรกิจ เทซ่า จะเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญโดยสูงกว่าปีก่อนหน้า และมีการคาดการณ์ว่ากำไรหลังการหักภาษีจะอยู่ที่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความแตกต่างจากปี 2559 คือ การหายไปของผลกำไรรูปแบบพิเศษที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2559 รวมไปถึงการสูญเสียจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศและการลงทุนด้านการเงินในปี 2560 ซึ่งผลการรายงานรายได้กำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดทำและจะเปิดเผยต่อสาธารณะในรายงานสถานะทางการเงินของปี 2560 เมื่อเสร็จสิ้นการจัดเตรียม
มร. สเตฟาน เอฟ. ไฮเดนคายค์ ประธานคณะกรรมการบอร์ดผู้บริหาร บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ จำกัด กล่าวว่า "ไบเออร์สด๊อรฟ มีจุดยืนที่มั่นคงและชัดเจนด้านโมเดลธุรกิจและเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ซึ่งเห็นได้จากผลการดำเนินธุรกิจของเราในปี 2560 ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสูงและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักที่โดดเด่นขององค์กรเรา ความสำเร็จที่ได้รับจึงเป็นผลลัพธ์ที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างมานะอดทน และการทำงานตามกลยุทธ์ทางธุรกิจอย่างเป็นระบบตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีความท้าทายมากยิ่งขึ้น เราได้แสดงให้เห็นถึงจุดยืนและความกระตือรือร้นของบริษัทในการก้าวเข้าสู่ปี 2561 แล้ว"
กลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์
กลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์มียอดขายออร์แกนิคเพิ่มขึ้น 4.7 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2560 โดยมูลค่าต้นทุนตั้งต้นยอดขาย (nominal terms) เพิ่มขึ้น 3.4 เปอร์เซ็นต์ จาก 5.606 พันล้านยูโรในปี 2559 เป็น 5.798 พันล้านยูโร การเติบโตของยอดขายเกิดขึ้นในทุกภูมิภาค โดยแบรนด์หลักของ ไบเออร์สด๊อรฟ ที่มีส่วนทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ได้แก่ นีเวีย, ยูเซอริน, ฮันซาพลาส และ ลา แพรรี่
กลุ่มธุรกิจเทซ่า (tesa)
เทซ่า มียอดขายเพิ่มขึ้น 10.6 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2560 โดยมูลค่าต้นทุนตั้งต้นยอดขาย (nominal terms) เพิ่มขึ้น 9.7เปอร์เซ็นต์ จาก 1.146 พันล้านยูโรเป็น 1.257 พันล้านยูโร การประสบความสำเร็จนี้เป็นผลมาจากการทำธุรกิจโดยตรงกับลูกค้าในอุตสาหกรรม และกลุ่มตลาดการค้า ซึ่งรวมถึงธุรกิจกับลูกค้าของกลุ่มอีกด้วย
ตัวเลขโดยรวมสำหรับปี 2560 เป็นข้อมูลเบื้องต้นและยังคงต้องผ่านการตรวจสอบ ตัวเลขที่แน่นอนสำหรับปี 2560 จะได้รับการเผยแพร่ในงานแถลงข่าวบัญชีรายปี และการประชุมนักวิเคราะห์การเงินในเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมัน ในวันที่ 1 มีนาคม 2561 ที่จะถึงนี้