แอลเอสดี หนึ่งในโรคหายากที่ยังรอคอยความหวังและโอกาสจากระบบสาธารณสุขของไทย

พฤหัส ๑๘ มกราคม ๒๐๑๘ ๐๙:๑๗
จากปรากฏการการวิ่งของ "ตูน" ในโครงการ "ก้าวคนละก้าว" เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลของรัฐ 11 แห่งทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีและการช่วยเหลือในสังคมไทย แต่ในขณะเดียวกันก็แสดงถึงความไม่พร้อมของระบบสาธารณสุขของไทย บางส่วนจึงต้องพึ่งพาอาศัยความร่วมมือของภาคประชาชนและภาคเอกชน เพื่อเร่งเยียวยาเป็นครั้งคราวไป แต่จะมีสักกี่โครงการที่สำเร็จและสามารถระดมเงินทุนช่วยเหลือได้มากมายระดับพันล้าน จึงอยากวิงวอนให้ภาครัฐช่วยเร่งฟื้นฟูพัฒนาระบบสาธารณสุขของไทยเพื่อเป็นที่พึ่งพิงของคนไทย

ล่าสุดจากการรวมตัวของครอบครัวผู้ป่วยโรคที่มีการสะสมของสารในไลโซโซม (Lysosomal Storage Disease) หรือที่รู้จักกันว่า โรคแอลเอสดี (LSD) เป็นหนึ่งในโรคหายาก ซึ่งมีอุบัติการณ์เท่ากับ 1 ต่อ 7,700 ล่าสุดได้จัดงานชุมนุมผู้ป่วยโรคพันธุกรรมแอลเอสดี สัญจร ครั้งที่ 1 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมูลนิธิพันธุกรรมแอลเอสดี ร่วมกับสาขาวิชาเวชพันธุศาสตร์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งมีหลายกระบอกเสียงจากคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกป่วยเป็นโรค LSD ร่วมพูดคุยกันว่าเรามารวมตัวกันแล้วเอาลูกที่ป่วยมาวิ่งแบบพี่ตูนกันดีมั้ย? เผื่อทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหันกลับมามองลูกที่ป่วยด้วยโรค LSD ซึ่งบางโรคถึงมีทางรักษาแต่เข้าไม่ถึง สำคัญสุดคือ อยากผลักดันให้นำยารักษาโรคแอลเอสดีเข้าสู่ระบบบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งเป็นความหวังสูงสุดของครอบครัวที่ประสบปัญหากันในขณะนี้

ด้วยอาการที่เป็นรุนแรงเพิ่มขึ้นตามอายุ และต้องรักษากันไปตลอดชีวิตนั้น ผศ.พญ. ทิพยวิมล ทิมอรุณ สาขาวิชาเวชพันธุศาสตร์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงที่มาของกลุ่มโรค LSD ว่าเป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากการขาดเอนไซม์ที่ใช้ในการสลายสารโมเลกุลใหญ่ในเซลล์ ทำให้สารเหล่านั้นสะสมอยู่ในเซลล์ตามอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย หากสะสมในม้ามจะทำให้ม้ามโต หรือสะสมในกระดูก กระดูกจะผิดรูป รวมถึงซีดและเลือดออกง่าย กลุ่มโรค LSD มีมากกว่า 50 โรค ถึงแม้ว่าเป็นโรคพันธุกรรม แต่แรกเกิดมักไม่มีอาการผิดปกติ อาการแสดงจะเริ่มเห็นหลังจากรอระยะเวลาให้สารในเซลล์สะสมมากพอจนมีผลต่ออวัยวะนั้นๆ ดังนั้น อาการเป็นได้ตั้งแต่วัยเด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่ รายที่มีอาการรุนแรงพบอาการได้ตั้งแต่เด็กเล็ก โรคที่พบบ่อยๆ ในประเทศไทย ได้แก่

1. กลุ่มโรคเอ็มพีเอส (MPS, Mucopolysaccharidosis) อาการที่ข้อและกระดูก ข้อติดยึด นิ้วมือยืดไม่สุดทำให้การหยิบจับยากขึ้น ใบหน้าเปลี่ยนไปจากตอนเด็กๆ ตัวเตี้ย หัวใจโต ตับโต มักมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ บางคนมีปัญหาพัฒนาการถดถอยทำให้สุดท้ายช่วยเหลือตนเองไม่ได้

2. โรคโกเชร์ (Gaucher) มักเริ่มจากตับม้ามโตมาก ซีด เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ ทำให้ติดเชื้อและเลือดออกง่าย บางรายมีอาการพัฒนาการถดถอย

3. โรคพอมเพย์ (Pompe) รายที่มีอาการรุนแรงจะเริ่มมีหัวใจโตนำไปสู่ภาวะหัวใจวายตั้งแต่อายุ 3 เดือนแรก ภายหลังจะมีปัญหากล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง หายใจลำบาก รายที่เป็นแบบอาการเกิดภายหลัง มักมีอาการกล้ามเนื้อแขนขา และการหายใจอ่อนแรงเริ่มมีอาการตอนวัยเรียน

นายบุญ พุฒิพงศ์ธนโชติ ประธานมูลนิธิโรคพันธุกรรมแอลเอสดี ผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิฯ มาตั้งแต่ปี 2552 เล่าให้ฟังว่า "นับจากก่อตั้งมูลนิธิฯ เราได้จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อรณรงค์สร้างการรับรู้ให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักถึงกลุ่มโรค LSD อย่างต่อเนื่อง เช่น จัดอบรมให้ความรู้กับพ่อแม่ ผู้ปกครองในการเลี้ยงดูผู้ป่วยอย่างถูกต้อง ด้วยความรัก ความเข้าใจ ตลอดจนการเปิดโอกาสให้ครอบครัวผู้ป่วยได้พบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดูแลผู้ป่วย ร่วมกับโรงพยาบาลภาครัฐ และระดมทุนช่วยเหลือผู้ป่วยด้านการรักษาพยาบาล ค่ายา และอุปกรณ์ต่างๆ โดยสิ่งที่ได้พยายามทำมาตลอด 8 ปี คือ การผลักดันภาครัฐให้ตระหนักถึงการรักษาและดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้าสู่ระบบบัญชียาหลักและได้รับสิทธิ์การรักษาพยาบาลเหมือนกับโรคอื่นๆ เนื่องจากกลุ่มโรค LSD จำเป็นต้องรักษาไปตลอดชีวิต และมีค่ารักษาและค่ายาที่ค่อนข้างสูงมาก ซึ่งครอบครัวผู้ป่วยส่วนใหญ่มีฐานะไม่เอื้ออำนวยต่อการซื้อเอนไซม์ จึงทำให้ขาดโอกาสในการรักษาที่เหมาะสมและทัดเทียมกับผู้ป่วยโรคอื่นๆ"

แต่ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เนื่องด้วยปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุข และสปสช. ได้เล็งเห็นความสำคัญและนำโรค LSD โรคหนึ่ง คือ โรคโกเช่ร์ ชนิดที่ 1 ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่มีปัญหาด้านพัฒนาการและระบบประสาท ให้ได้รับยาเอนไซม์ทดแทนโดยบรรจุขึ้นบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว และที่ผ่านมามีผู้ป่วยโรคโกเช่ร์ได้เข้ารับการรักษาแล้ว จำนวน 20 ราย โดยผู้ป่วยจะได้รับเอนโซม์ทดแทนทางเส้นเลือดทุกๆ 2 สัปดาห์ มูลนิธิฯ ยังคงมุ่งมั่นและผลักดันโรคอื่นๆต่อไป เพื่อเป็นความหวัง เป็นโอกาส และเป็นกำลังใจ ให้กับครอบครัวผู้ป่วยที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีและอายุยืนยาวขึ้นต่อไป มูลนิธิฯ หวังว่า เอนไซม์ทดแทนที่ใช้รักษาโรคในกลุ่มโรค LSD อื่นๆ เช่น กลุ่มโรค MPS, โรคพอมเพย์ และโรคโกเชร์ ชนิดที่ 3 จะได้รับการขึ้นบัญชียาหลักแห่งชาติในอนาคตอันใกล้ รวมถึงการคิดค้นวิธีการรักษาใหม่ๆ ที่สามารถป้องกันผลกระทบต่อระบบประสาทและสมองได้

ผศ.พญ. ทิพยวิมล ทิมอรุณ เล่าให้ฟังถึงการพัฒนาวิธีการรักษากลุ่มโรค LSD ในประเทศไทยด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Hematopoietic stem cell transplantation) หรือชื่อเดิมคือ การปลูกถ่ายไขกระดูก ซึ่งอาศัยความร่วมมือกับแพทย์ทีมปลูกถ่ายฯ เป็นอีกทางเลือกของผู้ป่วย โดยเฉพาะโรคโกเชร์ ชนิดที่ 3 ที่มีอาการทางระบบประสาทซึ่งเอนไซม์ทดแทนไม่สามารถป้องกันอาการทางระบบประสาทได้ และกลุ่มโรค MPS ซึ่งผู้ป่วยไทยยังไม่สามารถเข้าถึงการรักษาด้วยยาเอนไซม์ทดแทนได้ เนื่องจากไม่ได้ถูกบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติในขณะนี้ ดังนั้น การปลูกถ่ายฯ ในกลุ่มโรค LSD ซึ่งควรรักษาก่อนที่มีอาการทางระบบประสาท หรือเร็วที่สุดก่อนมีอาการอื่นๆ มากขึ้น เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เนื่องจากมีปัจจัยหลายด้าน อาทิเช่น ขั้นตอนการหาไขกระดูกที่เข้ากันกับผู้ป่วย ซึ่งอาจเป็นพี่น้องที่ไม่ได้เป็นโรค หรือผู้บริจาคที่สภากาชาด โดยสถิติจากจำนวนผู้บริจาค 20,000 รายจึงจะพบไขกระดูกที่เข้ากับผู้ป่วยหรือบางครั้งไม่สามารถหาไขกระดูกที่เข้ากันได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังมีการรักษาด้วยการใช้ไขกระดูกจากพ่อหรือแม่ ซึ่งก็จะเพิ่มความซับซ้อนในการดูแลผู้ป่วยมากขึ้น อีกทั้งทีมแพทย์พยาบาลผู้เชี่ยวชาญมีจำกัด และต้องอาศัยการตรวจทางห้องปฏิบัติการเฉพาะโรค จึงเป็นเหตุให้การรักษาด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูกยังไม่สามารถทำได้ในทุกที่ ค่าใช้จ่ายประมาณกว่าหนึ่งล้านบาทต่อรายซึ่งปัจจุบันยังไม่ครอบคลุมจากทางภาครัฐ ดังนั้นทางทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสถาบัน และมูลนิธิฯ จึงจำเป็นต้องหาทุนในการรักษาจากช่องทางการบริจาคเพื่อให้ผู้ป่วยในกลุ่มโรค LSD ที่จำเป็นต้องได้รับการทำการปลูกถ่ายฯ อย่างทันท่วงที ทางทีมฝากความหวังว่าหากภาครัฐมีนโยบายการสนับสนุนการรักษาโรคหายากอย่างเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ผู้ป่วยกลุ่มโรค LSD ที่มีวิธีรักษาได้รับการรักษาได้อย่างทั่วถึงในประเทศไทย

ยกตัวอย่างผู้ป่วยในช่วงปีที่ผ่านมา จากการรักษาโรคกลุ่ม MPS ที่มีชื่อโรคว่า เฮอเลอร์ (Hurler) ด้วยวิธีการปลูกถ่ายไขกระดูก ที่รพ.รามาธิบดี ถือว่ามีผลเป็นที่น่าพึงพอใจอย่างมาก น้องเริ่มมีอาการตั้งแต่ 4 ปี ปัญหาข้อนิ้วมือติดงอ กำดินสอไม่ถนัด กำมือไม่ได้ ติดกระดุมหรือเปิดขวดน้ำทำได้ลำบาก ข้อไหล่ติดยกแขนได้ไม่สุด ข้อเข่าติดเดินวิ่งลำบาก ใบหน้าเปลี่ยน เมื่ออายุ 7 ปี ได้รับการวินิจฉัยโรค ถึงแม้จะเรียนหนังสือได้คะแนนดี ไม่มีปัญหาเรื่องระบบประสาทหรือพัฒนาการ แต่ถ้าหากไม่ได้รับการรักษา ต่อไปข้อทุกข้อจะติดงอมากขึ้น จนสุดท้ายช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หลังจากผู้ป่วยรายนี้ได้รับการรักษาด้วยการปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นผลสำเร็จแล้ว ติดตามต่อมา น้องสามารถกำมือได้แน่นขึ้นชัดเจน วาดรูปเขียนหนังสือได้สวยขึ้น ทำท่าสวัสดีมือประกบติดกันได้ และเดินได้คล่องมากขึ้น เพราะร่างกายสามารถผลิตเอนไซม์ได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งการให้เอนไซม์ทดแทนทุกๆ 1-2 สัปดาห์ ไปจนตลอดชีวิต จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาโรคกลุ่ม LSD บางโรค

ผศ.พญ. ทิพยวิมล ทิมอรุณ แนะนำถึงวิธีป้องกันการเกิดโรคซ้ำในครอบครัว โดยจำเป็นต้องเริ่มจากการตรวจหาตำแหน่งของยีนหรือสารพันธุกรรมที่ผิดปกติ หากทราบผลแล้วในครอบครัวนั้นจะสามารถตรวจวินิจฉัยโรคตั้งแต่ในครรภ์ได้โดยการตรวจน้ำคร่ำเพื่อดูตำแหน่งยีนที่ผิดปกตินั้นๆ หรืออาจใช้เทคโนโลยีการเจริญพันธ์ในการคัดเลือกตัวอ่อนที่ไม่เป็นโรคในการตั้งครรภ์ต่อไป และแนะนำตรวจหายีนแฝงให้คนในครอบครัวผู้ป่วย เนื่องด้วยโรคนี้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม หมายความว่าพ่อแม่น่าจะมียีนแฝงของโรคด้วย ซึ่งคนที่มียีนแฝงจะไม่มีอาการ แต่มีโอกาสเสี่ยงในการมีลูกเป็นโรคได้ โดยแต่ละโรคความเสี่ยงไม่เท่ากัน ดังนั้นควรในการรับคำแนะนำการวางแผนครอบครัวจากแพทย์สาขาเวชพันธุศาสตร์ซึ่งมีประจำอยู่ในหลายสถาบัน

สำหรับผู้ที่สนใจ อยากเป็นส่วนหนึ่งในการมอบความหวังและสร้างโอกาสให้กับผู้ป่วย LSD และครอบครัวของผู้ป่วย สามารถบริจาคได้ที่ ชื่อบัญชี "มูลนิธิโรคพันธุกรรมแอลเอสดี" ธนาคารกสิกรไทย หัวหมาก บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 078-2-53947-9 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.lsdthailand.com

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version