ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิปี 2560 จำนวน 33,009 ล้านบาท

ศุกร์ ๑๙ มกราคม ๒๐๑๘ ๑๑:๐๖
ในปี 2560 เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีขึ้น สอดคล้องกับอุปสงค์จากต่างประเทศที่ฟื้นตัวขึ้น ตามเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวในอัตราดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในช่วงเวลาที่มีการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักของโลกที่แตกต่างกันและความไม่แน่นอนทางด้านการเมืองของประเทศคู่ค้าสำคัญ อาจส่งผลให้เกิดความผันผวนทางด้านการเงินและการค้าโลกได้ ธนาคารจึงยังคงแนวทางการบริหารฐานะการเงินด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง พร้อมทั้งรักษาสภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่สามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตและความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้ธนาคารมีเสถียรภาพทางการเงินที่ยั่งยืน

ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิสำหรับปี 2560 จำนวน 66,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 เทียบกับปี 2559 และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.32 สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 45,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 สาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิและ กำไรสุทธิจากเงินลงทุน รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จากค่าธรรมเนียมจากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวม และค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อ สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 48,948 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.1 ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 43.5 ส่งผลให้กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของธนาคาร) สำหรับปี 2560 มีจำนวน 33,009 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.8 จากปีก่อน

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,003,989 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 จากสิ้นปี 2559 สำหรับสินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็นร้อยละ 3.9 ของเงินให้สินเชื่อรวม ขณะที่ระดับเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารมีจำนวน 140,021 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 160.2 ของเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ

ด้านเงินกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกประกาศในเดือนกันยายน 2560 เรื่องแนวทางการระบุและกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบ (Domestic Systemically Important Banks: D-SIBs) ซึ่งกำหนดให้ธนาคารในฐานะธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบต้องดำรงเงินกองทุนส่วนเพิ่มเพื่อรองรับความเสียหาย (Higher Loss Absorbency) โดยให้ทยอยดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนส่วนเพิ่มอีก ร้อยละ 0.5 ในแต่ละปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 จนอัตราส่วนเพิ่มเป็นร้อยละ 1.0 ในวันที่ 1 มกราคม 2563 สำหรับธนาคารหากนับกำไรสุทธิงวดกรกฎาคมถึงธันวาคม 2560 เข้าเป็นเงินกองทุน อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 18.9 ร้อยละ 17.4 และร้อยละ 17.4 ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับที่สามารถรองรับการดำรงเงินกองทุนส่วนเพิ่มตาม D-SIBs เรียบร้อยแล้ว สำหรับส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 มีจำนวน 401,724 ล้านบาท มูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 210.45 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 11.90 บาท จากสิ้นปี 2559

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ