นายสเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธานสมาคมยูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ เปิดเผยในการรายงานข่าวล่าสุดว่า กรมสรรพสามิตกำลังพิจารณาร่างกฎระเบียบใหม่ที่มีทิศทางสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของรัฐวิสาหกิจโรงงานยาสูบ โดยนายทอยเชอร์ต กล่าวว่า กฎระเบียบใหม่ใดๆ ที่จะกำหนดให้ฐานภาษีบุหรี่จะต้องเป็นราคาขายปลีกแนะนำที่นำมาใช้ก่อนกฎหมายใหม่ฉบับนี้มีผล (16 กันยายน 2560) จะเป็นการแทรกแซงตลาดโดยไม่จำเป็นและขัดต่อหลักธรรมาภิบาลและตลาดเสรี
ในกรณีของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นผู้นำอันดับต้นๆ ในเรื่องนโยบายควบคุมยาสูบและมีการนำระบบภาษีสรรพสามิตแบบผสมมาใช้กับสินค้ายาสูบ โดยตามระเบียบสหภาพยุโรป (Council Directive 2011/64/EU) นั้นได้กำหนดไว้อย่างเป็นทางการว่าระบบภาษียาสูบจะต้องให้ "กำหนดราคาได้อย่างเสรี" และในทางปฏิบัติภาคธุรกิจในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปมีสิทธิในการตั้งราคาขายปลีกผลิตภัณฑ์ยาสูบได้อย่างเสรี นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงหลักปฏิบัติเยี่ยงคนชาติในมาตรา 3 (National Treatment) ในความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้า (GATT) ซึ่งกำหนดไว้ว่าภาษีหรือกฎระเบียบใดๆ ในประเทศจะต้องไม่นำมาใช้เพื่อเอื้อต่อการปกป้องสินค้าหรือการผลิตในประเทศ
"เราเชื่อว่ารัฐบาลไทยนั้นยึดมั่นและปฏิบัติตามข้อตกลงนี้มาโดยตลอดในการออกแบบระบบโครงสร้างภาษีหรือกฎระเบียบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่เข้าข่ายการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตทุกประเภทเพื่อมุ่งเน้นให้เกิดการสร้างบรรยากาศทางการค้าที่เป็นธรรมสำหรับธุรกิจต่างๆ ในประเทศไทย" นายทอยเชอร์ต กล่าวสรุป