ขับเคลื่อนพลังละอ่อนร่วมแก้ปัญหาเมืองน่าน

จันทร์ ๒๙ มกราคม ๒๐๑๘ ๑๕:๐๒
สานพลัง "ละอ่อนน่าน" ร่วมแก้ปัญหาบ้านเกิด ปกป้อง "วัฒนธรรม - ทรัพยากร - การจัดการขยะ และสุขภาพ" ด้วยสำนึกความเป็นพลเมือง ตีฆ้องร้องป่าวปัญหาให้คนเมืองน่านได้ตื่นตัว ในงานมหกรรมพลังเยาวชน พลังสร้างสรรค์ เครือข่ายละอ่อนน่านฮักบ้านเกิดปี 3 หวังคนน่านมองเห็นปัญหาและร่วมกันแก้ไข

ในช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา ณ วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวง ต.ม่วงตื้ด อ.ภูเพียง จ.น่าน เยาวชนหลายร้อยคนมารวมตัวกันตั้งแถวขบวนสวยงาม ประดับประดาด้วยตุงประกอบด้วยข้อความบอกเล่าปัญหาเมืองน่าน ข้อความรณรงค์เพื่อให้ตื่นตัว และร่วมใจกันแต่งกายด้วยชุดเมืองน่าน และกลุ่มชาติพันธ์สวยงาม ในขบวนมีฟ้อนรำและตีฆ้องร้องป่าว ขบวนเริ่มจากชุมชนมาจนถึงวัดพระธาตุฯ แห่งนี้ ตลอดสองเส้นทางมีชาวบ้านยืนดูด้วยความสนใจ บรรยากาศภายในงาน เยาวชนได้แสดงศักยภาพของตนเองในการทำโครงการชุมชนผ่านรูปแบบนิทรรศการเล่าเรื่องราว , การแสดงด้านศิลปวัฒนธรรม อาทิ การแสดงตีกลองสะบัดชัย , การแสดงชุดฟ้อนดาบฟ้อนเจิง , การขับซอล่องน่าน , การแสดงชุดระบำฟัดข้าว ,การแสดงชุดรำบำม้ง ฯลฯ และมีกิจกรรมถ่ายทอดการเรียนรู้ของเยาวชนได้อย่างน่าสนใจ โดยมีพระชยานันทมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุแช่แห้งพระอารามหลวง เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วยผู้ใหญ่ใจดี ร่วมทั้ง หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถานศึกษา นักวิชาการ วัฒนธรรมจังหวัดน่าน ผู้ปกครอง เยาวชน สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

เยาวชนเหล่านี้เป็นเยาวชนที่ผ่านการทำ "โครงการเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายเยาวชนจังหวัดน่าน" ภายใต้การสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) ได้เริ่มโครงการในพื้นที่ จ.น่าน ตั้งแต่ปี 2557 พระครูสุจิณนันทกิจ เจ้าคณะอำเภอสันติสุข และหัวหน้าโครงการเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายเยาวชนจังหวัดน่าน กล่าวว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่เปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้เรียนรู้ ผ่านการทำโครงการเพื่อชุมชน โดยมีความเชื่อร่วมกันว่า จิตสำนึกพลเมืองสร้างได้จากการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง เพียงแต่เปิดโอกาสเปิดพื้นที่ให้เยาวชน ได้เรียนรู้จากเรื่องจริง ชีวิตจริง และเป็นสิ่งใกล้ตัว ผ่านการคิดเอง ทำเอง ซึ่งจะเป็นการฝังชิปการคิดเป็นระบบและสำนึกพลเมือง รวมถึงการเรียนรู้ผ่านการทำงานสวนกระแส พร้อมทั้งแก้ค่านิยม (จากเรียนให้เก่ง เรียนให้สูง เพื่อเป็นเจ้าคนนายคน คิดถึงตัวเองก่อน มาเป็นการคิดเป็นกระบวนการและสำนึกถึงส่วนรวม) "...เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ ทางพี่เลี้ยงจะมีกระบวนการให้เยาวชนได้เรียนรู้ตามขั้นตอนและได้ลงมือทำจริงใช้เวลาประมาณหนึ่งปี ซึ่งจะทำให้เยาวชนสามารถเชื่อมตัวเองในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในการสืบสาน สืบทอด ร่วมดูแล ในฐานะที่เป็นพลเมืองรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาเมืองน่าน ท่ามกลางกระแสของการเปลี่ยนแปลงได้อย่างสมดุล การขับเคลื่อนการทำงานของเยาวชนในพื้นที่จังหวัดน่าน ในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา ได้สร้างกระบวนการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง ก่อให้ลูกหลานที่เข้าร่วมโครงการเกิดการรู้จักรากเหง้า ชุมชนและเกิดความสำนึกรักบ้านเกิดและมีสำนึกความเป็นพลเมือง"

ตลอด 3 ที่ผ่านมามีกลุ่มเยาวชน เข้าร่วมโครงการจำนวน 90 คน กลุ่มพี่เลี้ยง (โคชให้คำชี้แนะในการทำโครงการ) จำนวน 16 คน ครอบคลุม 11 อำเภอ โดยมีประเด็นขับเคลื่อนคือด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมประเพณี การจัดการขยะและสุขภาพ / เกษตรสัมมาชีพ เป็นต้น โดยคนในชุมชนองค์กรภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย อบต. ผู้นำชุมชน ผู้ปกครอง ฯลฯ และภายนอกชุมชนคอยเป็นพี่เลี้ยงและเติมเต็มองค์ความรู้และกำลังใจให้แก่เยาวชนในการดำเนินโครงการ

"การดำเนินโครงการ 3 ปีที่ผ่านมา ได้บทเรียนที่ดี โดยมีประเด็นที่ผู้ใหญ่เมืองน่านต้องช่วยกันคิดต่อเพื่อให้การพัฒนาเยาวชนเกิดความยั่งยืน ดังนี้ 1.ทำอย่างไรให้ช่วยกันสร้างเครื่องมือทั้งเก่าและใหม่ ให้เกิดการเสริมสร้างวิธีคิดของเยาวชน 2.ทำอย่างไรให้เยาวชนได้รับความรู้ ทั้งความรู้เก่าที่มีอยู่แล้วและความรู้ใหม่ที่กำลังจะได้รับเข้ามา ได้รับความรู้อย่างมีสติโดยนำความรู้เก่าและใหม่มาผสมผสานกัน เพื่อให้เกิดนวัตกรรมทางความรู้ทางความคิดขึ้นมา 3.ทำอย่างไรให้เยาวชนได้แบ่งปันข้อมูลข่าวสารและเป็นเครื่องมือได้สร้างตัวตนของตัวเองให้มีคุณค่าในปัจจุบันและอนาคต 4.การสร้างแรงจูงใจให้ลูกหลานรู้จักการวางแผนชีวิต รู้จักการวางแผนครอบครัวตัวเอง ที่สำคัญคือหากไม่วางแผน ปลูกฝังสิ่งดีๆ ให้กับลูกหลาน วันหน้าก็จะสับสน ที่สำคัญคือการลงมือปฏิบัติ แม้จะทำผิดบ้างถูกบ้าง ดีบ้างไม่ดีบ้าง ต้องเชิญผู้ใหญ่มาช่วยวิเคราะห์สังเคราะห์ นั่นคือเครื่องมือที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหา คือภูมิคุ้มกันเมืองน่านทั้งในปัจจุบันและในอนาคต นี่คือภาพของเวทีในวันนี้" พระครูสุจิณนันทกิจ กล่าวสรุป

โครงการในปี 3 มีจำนวน 18 โครงการ สนใจในปัญหาชุมชน 4 ประเด็นได้แก่ "วัฒนธรรม - ทรัพยากร - การจัดการขยะ และสุขภาพ" เยาวชนได้สะท้อนการเรียนรู้ในการทำโครงการผ่านช่วงเล่าขานพลังการเรียนรู้ บอกเล่าคุณค่า ประโยชน์ ที่เกิดขึ้นกับตนเอง ครอบครัว ชุมชน และเมืองน่าน และฝากถึงผู้ใหญ่ให้ช่วยกันสนับสนุนพวกตนอีกด้วย

เริ่มที่ประเด็นแรกการจัดการทรัพยากร นางสาวอรสินี นิกรเถื่อน จากโครงการอนุรักษ์ป่าชุมชนบ้านขุนน้ำลาดมาเป็นตัวแทนสะท้อนเรื่องราวการเรียนรู้จากการลงไปทำโครงการในชุมชน "ได้เรียนรู้การทำงานร่วมกัน ยอมรับความเห็นต่าง การทำโครงการนี้ช่วยทำให้พวกเราเยาวชนเห็นความสำคัญของทรัพยากรทั้งลำน้ำ ดิน ป่า และมาช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรให้คงอยู่คู่กับเมืองน่านต่อไป อยากให้ทุกคนช่วยกันรักษาป่าค่ะ"

ประเด็นนี้มีเยาวชนสนใจ 7 โครงการได้แก่ 1.โครงการอนุรักษ์ป่าชุมชนบ้านน้ำลาด อ.ทุ่งช้าง 2.โครงการหนึ่งเยาวชน หนึ่งชุมชน หนึ่งต้นน้ำ อ.ทุ่งช้าง 3.โครงการ IF YOU DO (ถ้าคุณทำ) อนุรักษ์ลำน้ำมวบ อ.สันติสุข 4.โครงการร้อยป่าไว้ด้วยรัก อ.สันติสุข 5.โครงการบวช ปล่อย ปลูก อ.สองแคว 6.โครงการวัยใสรักษ์น้ำ อ.แม่จริม 7.โครงการเยาวชนบัวใหญ่ร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำแหง อ.นาน้อย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เยาวชนทั้ง 7 โครงการได้เข้าไปสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมกับคนในชุมชน ที่ทำให้เห็นคุณค่าและลุกขึ้นมาช่วยแก้ไขปัญหา อาทิ บ้านทุ่งสุน ชาวบ้านมีปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำ เยาวชนจึงตั้งโครงการหนึ่งเยาวชน หนึ่งชุมชน หนึ่งต้นน้ำ เพื่ออนุรักษ์น้ำให้มีน้ำดื่มน้ำใช้ตลอดทั้งปี เช่นเดียวกับที่ลำน้ำมวบ ที่ไหลผ่านหมู่บ้านหนองใหม่ หมู่บ้านห้วยแฮ้ว หมู่บ้านดอนใหม่ และหมู่บ้านปางช้าง ประสบปัญหาสารเคมีที่ชาวบ้านใช้เจือปนในลำน้ำทำให้ไม่สามารถใช้น้ำได้ จึงเกิดโครงการ IF YOU DO (ถ้าคุณทำ) เพื่อให้ลำน้ำมวบกลับมาใช้ประโยชน์ได้เหมือนเดิม

ประเด็นที่เป็นปัญหาระดับโลกอีกประเด็นคือประเด็นสุขภาพ เกษตร สัมมาชีพ เยาวชนก็ให้ความสนใจ มี น.ส.จิดาภา ติละ จากโครงการสานสายใยสมุนไพรคู่ชุมชน เป็นตัวแทนเยาวชนสะท้อนการทำโครงการว่า "พวกเราลงไปหาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารและสมุนไพรในชุมชน เพื่อทำให้คนในชุมชนเกิดความตระหนักในเรื่องอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ"

ประเด็นนี้มี 6 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการจิตอาสาวัยใสรวมใจสร้างสุข อ.สองแคว 2.โครงการคอนโดมดแดง อ.เวียงสา 3.โครงการหมอน้อยสมุนไพร อ.เวียงสา 4.โครงการต้นกล้านาทะนุงรักษ์สิ่งแวดล้อมน้อมนำเศรษฐกิจพอเพียง ปี 3 อ.นาหมื่น 5.โครงการสานสายใยสมุนไพรคู่ชุมชน อ.ปัว 6.โครงการลดโซเชียลเพิ่มศักยภาพชุมชน อ.บ่อเกลือ เยาวชนได้เข้าไปสร้างการมีส่วนร่วมและกระตุ้นให้คนในชุมชนได้เห็นคุณค่าของสุขภาพและหันมาดูแลเอาใจใส่คนในชุมชนกันมากขึ้น

และมาที่ประเด็นวัฒนธรรม ที่ทำให้เยาวชนไม่ลืมรากเหง้าของตนเอง โดยสามเณรสหภูมิ อุตพรม จากโครงการสืบสาน สืบทอด สืบต่อ สามเณรมัคคุเทศก์ สะท้อนการเรียนรู้ ว่า "พวกเราสามเณร เห็นว่ามีวัฒนธรรมหลายอย่างที่กำลังสูญหายไป เช่น การขับซอล่องน่าน การบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งพวกเราสามเณรได้เห็นถึงความสำคัญจึงทำโครงการนี้ขึ้นมา และได้ส่งเสริมให้มีบทเรียนในโรงเรียน และทำเป็นเครือข่ายผู้รู้มาสอนการขับซอ ส่วนเรื่องการทำบายศรีสู่ขวัญก็เช่นเดียวกัน ที่อนุรักษ์โดยมีการสอน ซึ่งงานนี้จะทำให้เยาวชนมีรายได้เลี้ยงชีพได้ด้วย" ประเด็นนี้มี 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการสืบสานการขับซอเมืองน่าน อ.เมือง 2.โครงการสืบสานการทำบายศรีสู่ขวัญเมืองน่าน อ.เวียงสา 3.โครงการสืบสาน สืบทอด สืบต่อ สามเณรมัคคุเทศก์ เยาวชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชน ครูภูมิปัญญาในเมืองน่าน ในวัฒนธรรมแต่ละด้าน เช่น ด้านประวัติศาสตร์วัดพระธาตุแช่แห้ง ด้านการขับซอเมืองน่าน และการประดิษฐ์การทำบายศรี เพื่อเข้าไปเรียนรู้และร่วมสืบสานสิ่งดีงามของน่านให้อยู่สืบไป

และมาที่ประเด็นสุดท้ายการจัดการขยะ เป็นอีกประเด็นที่เยาวชนเข้ามาใส่ใจปัญหาขยะในบ้านตัวเองและหาแนวทางแก้ไขร่วมกับชุมชน โดยนางสาว เมย์ บัวใหญ่ เป็นตัวแทนสะท้อนสิ่งที่ทำว่า "ชุมชนมีการลักลอบเผาขยะ ทิ้งขยะไม่เป็นที่ ส่งผลกระทบต่อชุมชน ในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ จึงเกิดโครงการที่เยาวชนช่วยกันเก็บขยะ กวาดถนน คัดแยกขยะ "เราทุกคนจะสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนรักบ้านเกิด เริ่มจากตนเอง เริ่มจากทำให้บ้านตนเองสะอาดก่อนและชุมชนจะสะอาดตามมา" ประเด็นนี้มี 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการเยาวชนรุ่นใหม่ ใส่ใจเรื่องขยะ อ.นาน้อย 2.โครงการขยะให้ความรู้ ปี 2 อ.สันติสุข

ที่สำคัญหากเยาวชนมีความรักที่จะร่วมพัฒนาชุมชน แต่ผู้ใหญ่มองไม่เห็นก็กลายเป็นเรื่องสูญเปล่า แต่โครงการนี้มีกระบวนการที่ดึงผู้ใหญ่ในชุมชนเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงและร่วมเรียนรู้ไปกับเยาวชน ในเวทนี้ได้มาร่วมเสวนาในประเด็น "เปิดโอกาสหนุนนำละอ่อนน่านฮักบ้านเกิด" ในบทบาทของหน่วยงานในพื้นที่จ.น่าน สถานศึกษา ผู้นำชุมชน และผู้ปกครอง กับการเปิดพื้นที่การเรียนรู้ให้เยาวชนไปสู่สำนึกความเป็นพลเมือง เริ่มที่ จุฑารัตน์ ขุลิลัง ผู้ปกครองของน.ส.วิมลศิริ ขุลิลัง เยาวชนในโครงการ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงของลูกสาว หลังทำโครงการมีความรับผิดชอบ มีระเบียบ และใจเย็นขึ้น ชื่นชมกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทำให้ลูกสาวมีความคิดอ่านที่โตขึ้น "ตอนนี้ตัวเองกับลูกสาวกลายมาเป็นที่ปรึกษาของกันและกันแล้วค่ะ"

ทางด้าน ณรงค์ จิตรแข็ง ผู้ใหญ่บ้านบ้านทุ่งสุน ต.งอบ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ในฐานะผู้ใหญ่ที่ให้คำปรึกษา เล่าสิ่งที่เด็กทำ ทำให้ตนเองและชุมชนเปลี่ยนแปลง เมื่อ "ปุ๊กกี้" เยาวชนในโครงการ ได้มาจุดประเด็นให้ตนเองได้คิดในการจัดการปัญหาน้ำ "ตอนที่ประชุมหมู่บ้าน ชาวบ้านก็จะถกกันเรื่องปัญหาน้ำไม่พอใช้ ปุ๊กกี้ได้เข้าร่วมประชุมด้วยก็ถามขึ้นมาว่า ทำไมต้องคุยปัญหาเรื่องน้ำทุกครั้งเลย ทำไมเราไม่แก้กัน ทำไมเราต้องรออบต. ทำไมไม่พึ่งพาตนเอง คืนนั้นผมกลับไปนอนไม่หลับ คำถามนี้ทำให้ผมต้องหาทางแก้ไข ในที่สุดก็นำไปสู่การจัดระเบียบการใช้น้ำ" ส่วน มนตรี พรมี ผู้ใหญ่บ้าน จ.น่าน ก็บอกว่าตนเองมีบทบาทในการเข้าไปทำความเข้าใจกับผู้ปกครองถึงกิจกรรมที่ลูกหลานทำ และเป็นที่ปรึกษาเพราะเห็นประโยชน์จากสิ่งที่เด็กๆ ทำ และสุดท้าย ปัณณพงศ์ ท้าวอาจ ผอ.กศน.จ.น่าน มองว่าเด็กทำกิจกรรมเป็นเรื่องดี เป็นการพัฒนาทักษะเด็กนอกห้องเรียน และเห็นว่าเด็กนอกโรงเรียนไม่เก่งต้องอาศัยเด็กในโรงเรียนมาช่วยกัน "ถ้าเด็กในโรงเรียนและนอกโรงเรียนได้หนุนเสริมกันจะเป็นเรื่องดี" ทั้งหมดนี้ได้เห็นแนวคิดของผู้ใหญ่ที่มองเห็นศักยภาพของเยาวชนเหลือแต่ว่าจะหนุนและส่งไม้ต่อให้เด็กได้ต่อยอดงานของตัวเองต่อไปได้อย่างไร

ทางด้านผู้สนับสนุน ปิยะภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล กล่าวเสริมหนุนน่านจากการเห็นพลังเยาวขนจากโครงการนี้ว่า "จากผลการดำเนินงาน 3 ปีที่ผ่านมาได้เห็นพลัง และเป็นเรื่องท้าทายประชาสังคมและท่านทั้งหลายในจังหวัดน่าน ว่าท่านจะใช้ศักยภาพของจังหวัดน่านก้าวอย่างไรในสังคมที่วุ่นวาย สังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว แล้วเยาวชนของเราจะอยู่ได้และนำพาจังหวัดของเราไปสู่ความก้าวหน้าด้วยฐานทุนของเยาวชนของเรา และพี่เลี้ยงมีการพัฒนามาไกลมากจาก 3 ปีที่แล้ว ภูมิใจว่าท่านมีฝีมือจริงๆ ในการพัฒนาเยาวชน ถ้าท่านที่อยู่ในวงการการศึกษาอยากสร้างการพัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 ทักษะสมัยใหม่ เทคโนโลยี ความคิดริเริ่ม มีทักษะในการทำงาน ลองมาคุยกับเขาเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาหลักสูตรใหม่ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้จากของจริงในที่ทำงาน สถานประกอบการ ชุมชน ถ้าเราจับมือกันทั้งในสถานศึกษา นอกสถานศึกษา และชุมชน การพัฒนาเยาวชนจังหวัดน่านและการพัฒนาจังหวัดของตัวเองไปไกลแน่"

สุดท้ายจิราภา เทพจันตา หรือปุ๊กกี้ ประธานเครือข่ายเยาวชนจังหวัดน่าน ได้ให้สัญญาไว้ว่า "เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า พวกเราพร้อมจะเป็นต้นกล้าที่กำลังจะเติบโตไปพร้อมๆ กับเมืองน่าน"

นี่คือตัวอย่างของกระบวนการพัฒนาศักยภาพเยาวชนให้เติบโตเป็นพลเมืองที่ดีของประเทศไทยของจังหวัดน่านนั่นเอง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version