โดยการเข้าซื้อหุ้นของ FKRMM ในครั้งนี้ NDR จะสามารถได้รับประโยชน์ในทันที เนื่องจาก FKRMM เป็นลูกค้า ซึ่งสั่งซื้อยางนอกและยางในรถจักรยานยนต์ จาก NDR เพียงรายเดียว มานานกว่า 10 ปี โดยปัจจุบัน มีรายได้จากการจำหน่ายยางนอกและยางในให้ FKRMM คิดเป็นประมาณร้อยละ 40 ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งถือได้ว่า FKRMM เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทฯ และเนื่องจาก FKRMM ยังมีศูนย์กระจายสินค้า 4 แห่ง ทั่วประเทศมาเลเซีย จึงทำให้บริษัทฯ สามารถเข้าไปขยายตลาดในมาเลเซียเพิ่มขึ้นได้ อีกด้วย
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NDR) หรือที่ลูกค้ารู้จักกันในนามยางรถมอเตอร์ไซค์ ND Rubber กล่าวว่าเนื่องจากบริษัทฯ มีแผนและโครงการในการขยายตลาด AEC อยู่แล้ว การที่มีโอกาสได้ต่อยอดธุรกิจให้เปิดกว้างยิ่งขึ้น จึงนับเป็นโอกาสที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่ง FKRMM มีธุรกิจการขายยางนอกและยางในรถจักรยานยนต์ ในประเทศมาเลเซีย อยู่แล้วโดยว่าจ้างให้ NDR ผลิตส่งไปภายใต้ แบรนด์ FKR ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 เพื่อนำเข้าไปจำหน่ายในประเทศมาเลเซีย และต่อมา NDR มีความประสงค์เข้าซื้อหุ้นสามัญของ Fung Keong Rubber Manufactory (Malaya) Sdn. Bhd. (FKRMM) ทั้งหมด รวมถึงบริษัทย่อย อีก 2 บริษัท ได้แก่ FKR Marketing Sdn. Bhd.(FKRM) และ GCB Trading Sdn. Bhd. (GCB) จากทาง Consistent Record Sdn. Bhd. (CRSB) ในฐานะผู้ขายเงินลงทุนโดยมีราคาซื้อขายคิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 53,000,000.00 ริงกิตมาเลเซีย หรือเทียบเท่า 416,537,120 บาท โดยภายหลังการเข้าทำรายการจะทำให้ FKRMM FKRM และ GCB จะเป็นบริษัทย่อยของ NDR
"ลูกค้าส่วนใหญ่ของ ND Rubber และ FKR เป็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้ทดแทน หมายถึง กลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่มาเปลี่ยนยางนอกหรือยางในเพื่อแทนยางเก่าที่ชำรุดหรือสึกหรอ ซึ่ง NDR จะจำหน่ายในประเทศไทยภายใต้แบรนด์ ND Rubber และ FKRMM จะจำหน่าย ในประเทศมาเลเซียภายใต้ แบรนด์ FKR จากลักษณะของกลุ่มลูกค้าที่ใกล้เคียงกัน ส่งผลทำให้สินค้าทั้งในประเทศไทย และในประเทศมาเลเซีย มีความเชี่ยวชาญในการทำการตลาดสำหรับกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมากยิ่งขึ้น เพื่อกระจายสินค้าให้ตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 79 รายทั่วประเทศมาเลเซียนั้น แสดงให้เห็นถึงการมีช่องทางการจัดจำหน่ายยางนอกและยางในรถจักรยานยนต์ที่มั่นคง และลดความเสี่ยงในการสูญเสียตลาดในประเทศมาเลเซียด้วย" ผู้บริหาร NDR กล่าว
อย่างไรก็ดี การป้องกันตลาดในประเทศมาเลเซียที่ปัจจุบันทางบริษัทฯ ขายผ่าน FKRMM อยู่ซึ่งปัจจุบันสามารถครอบครอบส่วนแบ่งตลาดในประเทศมาเลเซียได้ถึง 25% และมีแนวโน้มที่จะสามารถขยายตลาดในประเทศมาเลเซียได้มากขึ้น เนื่องจาก NDR มีแบรนด์สินค้า 2 แบรนด์ คือ FKR และ แบรนด์ปัจจุบันของบริษัทฯ คือ ND Rubber ซึ่งจะทำให้สามารถทำได้ทั้งตลาดสินค้าพรีเมี่ยม และตลาดสินค้าราคาถูก ลดความเสี่ยงในการสูญเสียตลาดในมาเลเซียให้กับคู่แข่งอื่นๆ เนื่องจากการเข้าไปถือหุ้น FKRMM ร้อยละ 100 จะทำให้ FKRMM ไม่มีโอกาสเปลี่ยนไปสั่งซื้อสินค้าจากคู่แข่ง รวมทั้ง เพิ่มโอกาสในการพัฒนาสินค้าใหม่ร่วมกัน เนื่องจากบุคลากรของ FKRMM มีประสบการณ์ในการผลิตยางรถจักรยานยนต์ภายใต้เทคโนโลยีประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นการทำงานร่วมกันจะเป็นการเพิ่มความสามารถธุรกิจด้านอุตสาหกรรมยางของไทยภายใต้แบรนด์คนไทยให้กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง