ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า "การลงนามความร่วมมือด้านพลังงานครั้งนี้ นับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญของสองรัฐวิสาหกิจไทย ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน ที่มีพันธกิจหลักในการดูแลความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศ ซึ่งปัจจุบันทั้งสองหน่วยงาน ได้ทำหน้าที่ตามพันธกิจของตนอย่างดีอยู่แล้ว ดังจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ประเทศไทยไม่เคยเกิดภาวะวิกฤตทางพลังงานที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และมีพลังงานทั้งในส่วนของ fossil fuel และไฟฟ้าให้ใช้อย่างต่อเนื่อง และมีต้นทุนในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดTeam Thailand for Energy Business ที่จะช่วยดูแลความมั่นคงทางพลังงาน ตลอดจนร่วมกันพัฒนาธุรกิจพลังงาน และนวัตกรรมทางด้านพลังงาน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดียิ่งขึ้นไป โดยกระทรวงพลังงานมุ่งหวังทั้งสององค์กรเป็นผู้นำในการพัฒนาธุรกิจพลังงานในต่างประเทศ เพื่อส่งกลับมาเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่ประเทศไทย รวมถึงจะเป็นการช่วยพัฒนาประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้อีกทางหนึ่งด้วย"
นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวเสริมว่า "กระแสการพัฒนาของ Disruptive Technology ในปัจจุบัน ส่งผลต่อโลกธุรกิจอย่างยิ่ง ปตท. และ กฟผ. ในฐานะรัฐวิสาหกิจซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านพลังงานของประเทศจึงต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง รองรับการเติบโตของเทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อให้ทันกับทิศทางการพัฒนาในระดับสากล ความร่วมมือด้านพลังงานระหว่าง ปตท. และ กฟผ. นี้ จึงเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อเสริมสร้างศักยภาพและพัฒนานวัตกรรมในธุรกิจพลังงานรวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตลอดจนเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และการแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ร่วมกัน เชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพและประสบการณ์ของทั้งสองหน่วยงานจะนำพาให้เกิดการขยายผลที่เป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อประเทศชาติและประชาชน ในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง เพื่อความยั่งยืนของประเทศต่อไป"
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือว่า "ปตท. เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ เพื่อร่วมพัฒนาศักยภาพของประเทศ และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน ปตท. จึงมีความยินดีที่ได้ลงนามความร่วมมือด้านพลังงาน กับ กฟผ. เพื่อร่วมกันศึกษา วางกรอบความร่วมมือในการประกอบธุรกิจพลังงาน ด้วยองค์ความรู้ในธุรกิจที่แต่ละหน่วยงานมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะเสริมสร้างให้เกิดการนำไปประยุกต์ และต่อยอดให้เกิดการสร้างนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ๆ ให้แก่ประเทศได้ในอนาคต เพื่อให้การประกอบธุรกิจพลังงานของประเทศ เป็นไปอย่างมั่นคง และมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศให้ทัดเทียมกับประเทศที่พัฒนาแล้ว ความร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากเพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคงทางพลังงาน และนโยบายที่ส่งเสริมมิติด้านนวัตกรรมผ่านการลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานที่สร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งสอดรับกับนโยบาย "Thailand 4.0" ที่มุ่งปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจสู่ Value Based Economy หรือ เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมแล้ว ยังจะเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงาน และจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคอุตสาหกรรม ว่า ความมั่นคงทางพลังงานของประเทศไทย จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และจะได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วน มีพลังงานใช้อย่างต่อเนื่อง และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็น Pride and Treasure of Thailand ต่อไป"
อนึ่ง นโยบายและยุทธศาสตร์ของกระทรวงพลังงาน ปี 2561 - 2565 มุ่งเน้นให้ประเทศมีความมั่นคงทางพลังงาน พร้อมด้วยศักยภาพที่แข่งขันได้ในเวทีโลก สำหรับความร่วมมือทางด้านพลังงานของ กฟผ. และ ปตท. ตามข้อตกลงนี้มีระยะเวลา 2 ปี โดยบูรณาการความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญของบุคคลากรจากทั้งสององค์กรมาใช้ในการพัฒนาพนักงาน และจัดตั้งโครงการนำร่อง (Pilot project) เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือทางด้านพลังงานในอนาคต