นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ข้าวเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญของไทย ซึ่งมีพื้นที่ปลูกกว่า 65 ล้านไร่ แบ่งเป็นข้าวนาปี 58.7 ล้านไร่ และข้าวนาปรัง 6.3 ล้านไร่ มีผลผลิตรวมกว่า 29.1 ล้านตันข้าวเปลือก (พยากรณ์การผลิต ปี 2559/2560) สามารถส่งออกและทำรายได้เข้าประเทศประมาณปีละ 150,000 ล้านบาท มีเกษตรกรปลูกข้าวประมาณ 3.7 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 17 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 26.15 ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งเกษตรกรเหล่านี้จะประสบปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำในช่วงที่ข้าวนาปีออกสู่ตลาด เนื่องจาก พ่อค้า หรือโรงสีต่างๆ ไม่สามารถรองรับผลผลิตที่ออกมาทั้งหมดได้ จึงเกิดปัญหาการกดราคารับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร ดังนั้นกรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้จัดทำโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตร (ข้าว) ในวิสาหกิจชุมชนขึ้น เพื่อสนับสนุนให้วิสาหกิจชุมชนที่เกิดจากการรวมตัวของเกษตรกรผู้ผลิตข้าว ซึ่งกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ ให้สามารถเก็บรวบรวมผลผลิตข้าวไว้ได้เอง หรือสามารถแปรรูปเป็นข้าวสารเพื่อเพิ่มมูลค่าได้ จะสามารถช่วยให้เกษตรกรมีทางเลือกในการจำหน่ายข้าวเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายข้าวเปลือกและข้าวสารได้ในราคาที่เป็นธรรม ได้รับผลตอบแทนจากการปลูกข้าวเพิ่มมากขึ้น
สำหรับเป้าหมายดำเนินโครงการฯ 11 แห่ง 11 จังหวัดได้แก่ อุดรธานี อำนาจเจริญ นครสวรรค์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ หนองบัวลำภู นครราชสีมา บุรีรัมย์ พิษณุโลก สระแก้ว และจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเป็นวิสาหกิจชุมชนที่มีความพร้อมในการประกอบกิจการธุรกิจข้าว มีเงินทุนในการประกอบกิจการเบื้องต้น สามารถระดมทุนเพิ่มได้ รวมถึงสามารถสมทบค่าใช้จ่ายในการดำเนินการบางส่วนได้ เช่น การเดินสายไฟฟ้าเข้าโรงสี เงินทุนหมุนเวียน ค่าซ้อมบำรุงรักษาโรงสี เป็นต้น และต้องมีแผนการดำเนินกิจกรรมในการบริหารจัดการโรงสีข้าว รวมถึงแผนการตลาดข้าวสารของวิสาหกิจชุมชน ในส่วนของการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับโครงการฯทั้ง 11 แห่ง ประกอบด้วย ลานตากข้าว ขนาด 1,000 ตารางเมตร เพื่อลดความชื้นข้าวเปลือกก่อนการเก็บรักษา ยุ้งฉางขนาด 500 ตันข้าวเปลือก เพื่อให้วิสาหกิจชุมชนสามารถเก็บรักษาข้าวเปลือกสำหรับรอการจำหน่าย หรือเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการแปรรูปเป็นข้าวสาร เครื่องสีข้าวขนาด 6 ตันข้าวเปลือก/วัน เพื่อเพิ่มมูลค่าข้าวเปลือกโดยการแปรรูปเป็นข้าวสาร และสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการดำเนินงานโรงสีข้าว เช่น เครื่องชั่ง เครื่องเย็บกระสอบข้าว เครื่องซิลสุญญากาศ เป็นต้น นอกจากนี้ยังอบรมให้ความรู้แก่สมาชิกวิสาหกิจชุมชนเรื่องการประกอบธุรกิจข้าว การบริหารจัดการโรงสี การตลาดข้าว มาตรฐานการผลิตข้าวสาร การจำหน่ายผ่านอินเตอร์เน็ต และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้วิสาหกิจชุมชนสามารถประกอบกิจการได้อย่างเหมาะสม