นายเอนก พนาอภิชน รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ เปิดเผยว่า "แนวโน้มธุรกิจโทรคมนาคมและบริการด้านดาต้าขยายตัวอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง เห็นได้ชัดจากธุรกิจในเครือที่ให้บริการด้านดาต้าและการทำดิจิทัลคอมเมิร์ซ เช่น เอไอเอส ที่มีรายได้จากการให้บริการดาต้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ264 จากแนวโน้มดังกล่าว ในปี 2561 บริษัทฯ จะยังคงดำเนินการตาม 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การบริหารสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพ การสร้างโอกาสในการเติบโตใหม่ๆ การเสริมความแกร่งของธุรกิจ และการพัฒนาองค์กรที่เน้นการสร้างผลสัมฤทธิ์ที่แข็งแกร่ง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยี และสามารถสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้น ทั้งนี้อินทัชจะยังคงรักษานโยบายจ่ายเงินปันผลส่วนใหญ่ที่บริษัทได้รับจากบริษัทร่วมและบริษัทย่อยหลังหักค่าใช้จ่าย โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 27 เมษายน 2561 และเมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล งวดวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2560 ในอัตรา 1.25 บาทต่อหุ้น ซึ่งจ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ในปี 2560 บริษัทจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้นในอัตรา 2.52 บาทต่อหุ้น" นายเอนก กล่าว
เอไอเอส - ดาต้า อินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์พุ่ง
ในปี 2560 ที่ผ่านมา อินทัชได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก เอไอเอส ซึ่งเป็นบริษัทร่วมหลัก 12,126 ล้านบาท ใกล้เคียงกันกับปี 2559 โดยเมื่อสิ้นไตรมาสที่ 4 ปี 2560 เอไอเอสมีลูกค้าสุทธิทั้งสิ้น40.1 ล้านราย มีรายได้จากการให้บริการข้อมูลเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากอัตราการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว รายได้จากธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก และมีลูกค้าเอไอเอส ไฟเบอร์เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 73 เป็น 521,200 คน
สำหรับปี 2561 เอไอเอสจะยังเป็นธุรกิจหลักที่สร้างรายได้ให้แก่อินทัช โดยบริษัทจะรับส่วนแบ่งจากเอไอเอสตามสัดส่วนการถือหุ้น ซึ่งคาดว่ารายได้ของเอไอเอสในปี 2561 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 7-8 โดยรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการเข้าซื้อกิจการของซีเอสแอล รวมทั้งจะมีการลงทุนต่อเนื่องมูลค่าประมาณ 3.5-3.8 หมื่นล้านบาทเพื่อรองรับการใช้งานด้านดาต้าและขยายธุรกิจอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์
โครงการอินเว้นท์ – เพิ่มศักยภาพผ่านการลงทุนธุรกิจแห่งอนาคต
โครงการอินเว้นท์ ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านคอร์ปอเรท เวนเจอร์ แคปปิตอล มีผลงานที่โดดเด่นต่อเนื่องจากนโยบายการลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยี (TMT) โดยในปีที่ผ่านมา อินเว้นท์ใช้เงินลงทุนประมาณ 112 ล้านบาทในการลงทุนเพิ่มใน 3 บริษัท คือ บริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการระบบชำระเงินแบบเบ็ดเสร็จผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริษัท อีเว้นท์ ป๊อป โฮลดิ้งส์ พีทีอี ลิมิเต็ด ผู้พัฒนาและให้บริการแพลตฟอร์มจัดงานอีเวนท์แบบครบวงจร และ บริษัท อีคอมเมิร์ซ เอ็นเนเบลอส์ พีทีอี ลิมิเต็ด ผู้รวบรวมร้านค้าออนไลน์ โดยผู้ซื้อสินค้าและบริการจะได้รับเงินคืนในรูปแบบอี-วอลเล็ตสำหรับการซื้อสินค้าหรือบริการในครั้งต่อไป ปัจจุบันอินเว้นท์ให้การสนับสนุนโดยร่วมลงทุนในสตาร์ทอัพทั้งสิ้น 13 บริษัท ใช้เงินลงทุนรวม 402 ล้านบาท และบริษัทเหล่านี้มีมูลค่าสูงขึ้นถึงกว่า 600 ล้านบาท สำหรับในปี 2561 อินทัชจะยังคงเน้นการลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยีด้วยเงินลงทุน 200 ล้านบาทต่อปี
ธุรกิจดาวเทียมทรงตัว เร่งหาลูกค้าในตลาดใหม่
อินทัชได้ลงทุนในธุรกิจดาวเทียมผ่านไทยคม โดยคาดว่าในปี 2561 รายได้ของไทยคมจะลดลงเล็กน้อยจากสภาวการณ์แข่งขันในตลาด โดยบริษัทจะเน้นการหาลูกค้าใหม่ในภูมิภาคที่มีการเติบโตสูงในแอฟริกา เอเชียใต้และลุ่มน้ำโขง ส่วนดาวเทียม บรอดแบนด์นั้นจะเริ่มมีการรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่ที่เซ็นสัญญาในปี 2560 ได้แก่ลูกค้าจากประเทศอินโดนีเซีย ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย และ ไทย
ช็อปปิ้งทางโทรทัศน์-ออนไลน์มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น
ไฮ ช็อปปิ้ง (High Shopping) มีรายได้การเติบโตร้อยละ 80 ในปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไฮ ช็อปปิ้งประสบความสำเร็จคือ การขยายช่องทางการขายสินค้าจากทีวีดาวเทียมสู่ดิจิตอลทีวี เคเบิ้ลทีวี และช่องทางออนไลน์ต่างๆ รวมทั้งจับมือกับพันธมิตร เช่น Lazada 11street หรือ Shopee ทำให้จำนวนผู้รับชมและลูกค้าเห็นสินค้าของไฮ ช็อปปิ้งมากขึ้นทำให้ยอดขายต่อวันของไฮ ช็อปปิ้งเพิ่มจากวันละประมาณ 1 ล้านบาทในปี 2559 เป็น 1.8 ล้านบาทในปี 2560 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 2.5 ล้านบาทต่อวันในปี 2561
นายเอนก กล่าวสรุปว่า "จากแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 4 และความนิยมในสื่อดิจิทัล ทำให้เรามั่นใจในทิศทางการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นการลงทุนและขยายธุรกิจในด้านโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้แก่ผู้บริโภคและธุรกิจทั่วไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจไทยสู่ดิจิทัลอีโคโนมีเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน"
เกี่ยวกับ อินทัช
บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ อินทัช เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ลงทุนในธุรกิจโทรคมนาคม สื่อ และเทคโนโลยี เพื่อเชื่อมโยงความต้องการของคนไทยเข้ากับเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการบริหารงานอย่างมืออาชีพ ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงสร้างมูลค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างเป็นธรรม ผลจากความมุ่งมั่นพัฒนาทำให้อินทัช ได้รับรางวัลและการรับรองต่างๆ มากมาย อาทิ รางวัล "สุดยอดหุ้นขวัญใจมหาชน" และ "หุ้นขวัญใจมหาชนกลุ่มเทคโนโลยี" สามปีซ้อน จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ รางวัล "ผู้บริหารสูงสุดยอดเยี่ยม" (Best CEO Awards) และรางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม (Best Company Performance Awards) ในกลุ่มที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 100,000 ล้านบาท จากงาน SET AWARDS 2015 รวมไปถึงรางวัลระดับภูมิภาคอย่าง ASEAN Corporate Governance Awards 2015 และรางวัล Asian Excellence Recognition Awards 2015 จัดโดยนิตยสาร Corporate Governance Asia รางวัล "นักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม" (Best Investor Relations Award) ประจำปี 2558/2559 จากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (Investment Analysts Association หรือ IAA) และ รางวัล "Investor's Choice Award" จากสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย เมื่อไม่นานมานี้ อินทัชได้รับรางวัลเกียรติยศบริษัทที่มีมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด จากงาน "Thailand's Top Corporate Brand Value 2017" รางวัลบริษัทจดทะเบียนด้านผลการดำเนินงานดีเด่น จากงานประกาศรางวัล "SET Awards 2017" รางวัลหุ้นยั่งยืน จากงานมอบรางวัลด้านความยั่งยืน SET Sustainability Awards 2017 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และประกาศนียบัตร ESG 100ปี 2017 จากสถาบันไทยพัฒน์อีกด้วย ปัจจุบันการลงทุนของอินทัช ประกอบด้วย ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมไร้สาย ดำเนินงานภายใต้บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ธุรกิจดาวเทียมและธุรกิจต่างประเทศ ดำเนินงานภายใต้บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) รวมไปถึงธุรกิจอื่นๆ อาทิ ไฮ ช็อปปิ้ง และโครงการ อินเว้นท์ (InVent) เป็นต้น ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่