นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า เดิมกรมป่าไม้ได้มีหน่วยป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า จำนวน 510 หน่วย ทำหน้าที่ในการดูแลป้องกันรักษาป่า ที่ประจำอยู่ทั่วภูมิภาคของประเทศ ต่อมากรมป่าไม้ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2560 ในการปรับเปลี่ยนขอบเขตการปฏิบัติงานของหน่วยป้องกันรักษาป่าโดยยึดเขตการปกครอง และพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและอัตรากำลังที่มีอยู่ ทำให้มีหน่วยป้องกันรักษาป่าเหลือเพียง 395 หน่วย นอกจากนี้ผู้บริหารกรมป่าไม้ได้มีการประชุมหารือเกี่ยวกับการยกระดับการปฏิบัติงานของหน่วยป้องกันรักษาป่าที่เป็นหน่วยงานระดับภาคสนามของกรมป่าไม้ที่ดำเนินการอยู่ให้ครอบคลุมพื้นที่รับผิดชอบและเพิ่ม ขีดความสามารถให้ดำเนินการครอบคลุมทุกภารกิจในพื้นที่รับผิดชอบ กรมป่าไม้คาดว่าจะเปลี่ยนชื่อจากหน่วยป้องกันรักษาป่า เป็นหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ ทำหน้าที่ดูแลในระดับอำเภอ ปฏิบัติหน้าที่ครอบคลุมทุกภารกิจงานด้านการป่าไม้ในแต่ละพื้นที่ เช่น การปฏิบัติงานด้านป้องกันและปราบปราม การบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ การควบคุมไฟป่า การฟื้นฟูป่า การส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจ การจัดการป่าชุมชน การจัดการที่ดินป่าไม้ การอนุญาตเกี่ยวกับงานป่าไม้ และการรองรับป่าไม้ และโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยคาดว่าจะเริ่มปฏิบัติงานตามภารกิจใหม่ ในวันที่ 1 มีนาคม 2561
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการรองรับภารกิจของหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ในวันนี้จะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติงานให้บรรลุผลสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบถึงนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ รับทราบโครงสร้างและภารกิจ ตลอดจนเป็นการสร้างความเข้าใจ เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ นอกจากการประชุมดังกล่าวแล้ว กรมป่าไม้ จะดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานจัดทำคู่มือปฏิบัติงานสำหรับหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ และจะมีการ จัดฝึกอบรมหลักสูตรดังกล่าวที่มีเนื้อหาครอบคลุมทุกภารกิจงานที่ต้องปฏิบัติให้กับหัวหน้าหน่วยทุกคน ให้พร้อมที่จะไปปฏิบัติภารกิจใหม่ อีกทั้งจะทำให้หัวหน้าหน่วยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการปฏิรูป การทำงานที่จะทำให้เกิดประสิทธิผลอย่างเป็นรูปธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้กล่าว