สำหรับฝายน้ำตกหินเขียวพร้อมระบบส่งน้ำ อำเภอท่าแซะ จังหวดชุมพร นั้น เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลรับร่อ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ได้ขอพระราชทานโครงการก่อสร้างระบบประปาภูเขาคลองใหญ่หินเขียวเพื่อช่วยเหลือราษฎรบ้านสันกำแพง หมู่ที่ 19 และบ้านสันกำแพง 1 หมู่ที่ 23 ตำบลรับร่อ ซึ่งประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค และทำการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง และแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงหน้าฝน
ต่อมาในปี 2552 กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างฝายทดน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดสันฝายสูง3.00 เมตร ยาว 27.00 เมตร พร้อมอาคารประกอบ และระบบท่อส่งน้ำช่วงต้น ความยาวประมาณ 2,645.00 เมตร โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) ในปีแรก และในปี 2553 ได้ดำเนินการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำ จำนวน 3 สาย ความยาวรวม 9,220 เมตร พร้อมอาคารประกอบ จำนวน 82 แห่ง และถังเก็บน้ำขนาด 100 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 3 แห่ง สามารถส่งน้ำสนับสนุนเพื่อการอุปโภคบริโภคของราษฎรบ้านสันกำแพง จำนวน 500 ครัวเรือน 2,500 คน และสามารถส่งน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรในฤดูแล้งประมาณ 2,500 ไร่ ช่วงฤดูฝนประมาณ 5,000 ไร่ ส่งผลให้ราษฎรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปีทำให้สามารถทำการเกษตรได้มีรายได้เพิ่มขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ ราษฎรได้มีการรวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำ โดยใช้ชื่อว่า "กลุ่มผู้ใช้น้ำโครงการฝายน้ำตกหินเขียวอันเนื่องมาจากพระราชดำริ" เพื่อการมีส่วนร่วมในบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นายบุญ เสน่ห์พูด ราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฝายน้ำตกหินเขียวพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอท่าแซะ จังหวดชุมพร หมู่ที่ 19 ตำบลรับร่อ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร และเป็นหนึ่งในผู้ถวายฎีกาขอพระราชทานความช่วยเหลือ เปิดเผยว่า เมื่อปี 2546 ได้เกิดความแห้งแล้งอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้ชาวบ้านเกิดความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำอย่างหนัก ซึ่งขณะนั้นเป็นสมาชิก อบต. ได้ร่วมประชุมกับชาวบ้านใน 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 19 และ หมู่ที่ 23 ที่ประชุมเห็นชอบถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานความช่วยเหลือจากพระองค์ท่านในหลวงรัชกาลที่ 9 และต่อมาก็ทราบว่าพระองค์ทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทุกคนต่างรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และในวันนี้โครงการแล้วเสร็จได้มีการปล่อยน้ำเพื่อให้ราษฎรใช้ในการอุปโภค บริโภค และการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง พื้นที่เพาะปลูกได้รับน้ำเต็มที่ทำให้ได้รับผลผลิตอย่างสมบูรณ์ ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่จะปลูกทุเรียนและกาแฟเป็นหลัก จากเดิมจะปลูกกาแฟอย่างเดียว ปลูกทุเรียนได้ราคาดีกว่า ผลผลิตส่งออกไปขายต่างประเทศ ทำให้ราษฎรทั้ง 2 หมู่บ้าน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีฐานะมั่นคงขึ้น เดิมมีรายได้แค่หลักแสนต่อปี เดี๋ยวนี้เป็นหลักล้านต่อปี
"โครงการนี้ ชาวบ้านได้มีส่วนร่วม ด้วยการช่วยกันจ่ายเงิน เป็นค่าบำรุงรักษา ซึ่งทุกคนยินดีไม่ขัดข้อง หากมีปัญหาก็จะช่วยกันคนละไม้คนละมือ รวมถึงการช่วยกันดูแลรักษาป่าไม้ให้สมบูรณ์ เพื่อรักษาป่าต้นน้ำไว้ และจะไม่มีใครเข้าไปบุกรุกป่าเพื่อจับจองพื้นที่อีกแล้ว ทุกวันนี้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้ก็เพราะโครงการฯ นี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ตนและชาวบ้านทุกคนรู้สึกซาบซึ้งที่ได้รับพระราชทานโครงการนี้จากพระองค์" นายบุญ เสน่ห์พูด กล่าว
ปัจจุบันโครงการฯ มีระบบท่อส่งน้ำเพิ่มเติมความยาวประมาณ 4,800.00 เมตร พร้อมก่อสร้างถังเก็บน้ำ จำนวน 5 แห่ง ราษฎรได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 500 คน ครอบคลุมพื้นที่ทำการเกษตรของราษฎรอีกประมาณ 500 ไร่ และเกษตรกรยังได้ขุดสระเก็บน้ำในพื้นที่แปลงเกษตรของตนเองเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำสำรองในช่วงฤดูแล้งอีกด้วย