จุดประกายความคิดการพัฒนาธุรกิจในเมืองให้กับนวัตกร ผู้ประกอบการณ์รุ่นใหม่ และสตาร์ทอัพ ผู้เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่ยุค Thailand 4.0 ในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2561 ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ กรุงเทพฯ
ดร. พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการ สนช. กล่าวว่า "การจัดงาน District Summit 2018 นับเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองของประเทศไทยที่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนกว่า 48 องค์กร ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การพัฒนาเมือง โดยมีผู้เชี่ยวชาญผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงพื้นที่ธุรกิจทั้งระดับโลกจาก 6 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส สเปน ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และไทย ทั้งหมด 40 คน มาให้ความรู้ เปิดมุมมอง สร้างวิสัยทัศน์แก่นวัตกร ผู้ประกอบการณ์รุ่นใหม่ และสตาร์ทอัพ ได้มองเห็นโอกาสในการดำรงชีวิตอย่างสะดวกสบายพร้อมทั้งสามารถประกอบธุรกิจใหม่ๆ ภายในเมือง เช่น Data engineers, Market research analyst, Application developer, Financial adviser, Health services manager เพื่อเตรียมความพร้อมและขยายขนาดเศรษฐกิจไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น"
ดร. พันธุ์อาจ กล่าวเพิ่มเติมถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า "นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมอีกมากมาย เช่น นิทรรศการนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการพัฒนาบริหารจัดการเมือง ("Innovation and the Solution" EXHIBITION) ที่พลาดไม่ได้กับการเปิดตัวทั้ง 10 พื้นที่ ย่านนวัตกรรม พื้นที่แห่งโอกาสของสตาร์ทอัพไทยให้ได้เติบโตอย่างแข็งแรง กิจกรรมประกวดออกแบบย่านนวัตกรรมโยธี "ศูนย์กลางทางด้านการแพทย์ของประเทศไทย (Design Contest)" เพื่อส่งเสริมการพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรม ทั้งในมิติกายภาพ เศรษฐกิจ และเครือข่าย กิจกรรมสร้างเครือข่ายบุคลากรผู้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเมือง (Networking Session) กิจกรรมบ่มเพาะสตาร์ทอัพ (Startup and innovation 101) ที่ทวีความเข้มข้นไปอีกขั้นด้วยการจำลองระบบนิเวศนวัตกรรม และคัดสรรสุดยอดสตาร์ทอัพไทยมาร่วมบ่มเพาะเพื่อเพิ่มศักยภาพให้สามารถเติบโตไปยังระดับสากลอย่างคุณชาคริต จันทร์รุ่งสกุล หรือ พี่ไวท์ CEO บริษัท FireOneOne ผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมทางด้านซอฟแวร์และเทคโนโลยีให้กับองค์กรขนาดใหญ่ และ ดร.สุรอรรถ ศุภจัตุรัส ผู้จัดการฝ่ายนวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจ สนช. และกิจกรรมพิเศษที่ขาดไม่ได้อีก 1 กิจกรรม คือ การเปิดตัวโครงการนวัตกรรมสำหรับเมืองและชุมชน (City & Community Innovation Challenge 2018) ให้ทุนสนับสนุนผู้ประกอบการไปพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ปัญหาในประเด็นท้าทายเกี่ยวกับเมืองและชุมชน มูลค่าสูงสุดถึง 3 ล้านบาท !!! ภายใต้โจทย์เมืองแห่งนวัตกรรมสีเขียว เมืองแห่งความเท่าเทียม และนวัตกรรมการใช้ประโยชน์จากพื้นที่"