นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CHAYO เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ต่อนักลงทุน ในวันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 นี้ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวน 140 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หมวดธุรกิจการเงิน ภายในปลายไตรมาส 1-2 ปีนี้
CHAYO มีประสบการณ์ในธุรกิจเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้มาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ก่อนที่จะขยายธุรกิจไปยังธุรกิจลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในปี 57 ต่อมาในปี 59 บริษัทฯ ได้จัดตั้งธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าเพิ่มเติม หลังการระดมทุนครั้งนี้จะผลักดันให้ผลประกอบการของ CHAYO เติบโตอย่างต่อเนื่องมองว่าหุ้น CHAYO เป็นหุ้น Growth Stock ที่น่าสนใจลงทุน โดยปีนี้บริษัทฯ น่าจะมีพอร์ตหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มมากขึ้น จากการประมูลซื้อหนี้ด้อยคุณภาพทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันเพิ่มมากขึ้นจากเงินที่ได้จากการระดมทุนในตลาดในครั้งนี้ โดย ณ สิ้นปี 2560 ที่มีพอร์ตหนี้ที่บริหาร อยู่ที่ประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท
"บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะสร้างการเติบโตและความยั่งยืนในธุรกิจธุรกิจลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ธุรกิจให้บริการเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้ และธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า โดยจะมุ่งสร้างการเติบโตของรายได้ที่มาจากการลงทุนและบริหารหนี้สินที่มีหลักประกันควบคู่ไปกับหนี้สินที่ไม่มีหลักประกัน และบริการอื่นๆ ที่เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของบริษัทฯ ในปัจจุบัน และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการเพิ่มและขยายฐานลูกค้าในธุรกิจให้บริการ (ทั้งธุรกิจให้บริการเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้สินและธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า) ให้มากขึ้น โดยจะเน้นในเรื่องของผลงานและคุณภาพการให้บริการเป็นหลัก รวมถึงการเพิ่มรายได้และความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง" นายสุขสันต์ กล่าว
นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ CHAYO เปิดเผยว่า การนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน (โรดโชว์) ในครั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนมีความเข้าใจในธุรกิจ เห็นถึงศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่ง โดยมีนักลงทุนร่วมรับฟังข้อมูลล้นหลามแสดงให้เห็นถึงความสนใจในธุรกิจของบริษัทฯ และเห็นถึงโอกาสและศักยภาพในการเติบโตในอนาคต
"ผมมั่นใจว่า CHAYO จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจาก CHAYO บริหารงานโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจหลักที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ รวมถึงการให้บริการติดตามและทวงถามหนี้ มาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ให้แก่สถาบันการเงินและหน่วยงานต่าง ๆ และ CHAYO ถือเป็นบริษัทฯ ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีความน่าสนใจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในด้านผลประกอบการที่มีความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่น โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) และอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ในระดับที่ดี สะท้อนให้เห็นถึงการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
CHAYO เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 140 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ โดยเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปจำนวน 105 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 21 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้บริหาร (ที่ไม่ใช่กรรมการ) และพนักงานของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 7 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 7 ล้านหุ้น และคาดว่าเข้าจดทะเบียนในตลาด เอ็ม เอ ไอ ได้ภายในปลายไตรมาส 1 – 2 ปีนี้
สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา 2557- 2559 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น 53.90 ล้านบาท 141.23 ล้านบาท และ 197.14 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 162.01 ในปี 2558 และร้อยละ 39.58 ในปี 2559 ล่าสุดงวด 9 เดือน ปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงานรวมทั้งสิ้น 155.35 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.21 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้จากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุมาจากการให้บริการติดตาม เร่งรัดหนี้สินที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าซึ่งเริ่มดำเนินงานหลังจากไตรมาสที่ 3/2559 เป็นต้นมา สำหรับสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ ในงวดดังกล่าว มาจากธุรกิจลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพร้อยละ 78.43 ธุรกิจให้บริการเจรจาติดตามทวงถามและเร่งรัดหนี้ ร้อยละ 17.59 ธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าร้อยละ 3.74 ส่วนที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ ขณะที่กำไรสุทธิย้อนหลังนับตั้งแต่ปี 2557-2559 อยู่ที่ 18.81 ล้านบาท 68.94 ล้านบาท 70.89 ล้านบาท และล่าสุดกำไรสุทธิจากการดำเนินงานในงวด 9 เดือน ปี 2560 อยู่ที่ 45.27 ล้านบาท ตามลำดับ และมีอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2557 – 2559 อยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 61.81 ร้อยละ 72.90 และร้อยละ 68.75 ตามลำดับ ส่วนงวด 9 เดือนปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 65.58