คุณอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ และรองประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เปิดเผยถึงโครงการในครั้งนี้ว่า " ปีนี้ถือว่าเป็นที่น่าพึงพอใจมาก เพราะในปีนี้เราได้เห็นน้องๆ ทั่วประเทศมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยรูปแบบการแข่งขันของรายการ King Power's Cup 2017 ที่มีการปรับเปลี่ยนจากปีที่ผ่านมา ทำให้มีจำนวนทีมและนักฟุตบอลเข้าร่วมการแข่งขันมากขึ้น ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นข้อดีที่ทำให้เรามีเวลาในการมองดูพัฒนาการและความสามารถของเด็กไทยมากขึ้นจากเดิม โดยปีนี้สร้างปรากฎการณ์ทีมเข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 205 ทีม มีเยาวชนร่วมการแข่งขันมากกว่า 4,000 คน ซึ่งมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว และประโยชน์ที่เราทุกคนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนนั่นคือ รายการนี้เด็กไทยที่รักในกีฬาฟุตบอลได้แสดงศักยภาพของเยาวชนที่พร้อมก้าวไกลสู่เวทีโลก ทั้งนี้เราไม่ได้มองเพียงแค่คนเก่งที่มาจากทีมชนะเลิศเท่านั้น แต่เรายังเปิดโอกาศให้เด็กที่มีฝีเท้าดีจริงๆ ได้มีโอกาสผ่านการคัดเลือกเข้าแคมป์ฝึกซ้อมเรียนรู้กระบวนการแบบมืออาชีพก่อนที่พวกเค้าจะผ่านการคัดตัวจนเหลือ 10 คนสุดท้ายเพื่อไปฝึกฝนทักษะแบบมืออาชีพจริงๆ ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งนั่นคือโลกใบใหม่ที่เด็กไทยจะได้เรียนรู้ เพื่อนำสิ่งเหล่านั้นกลับมาช่วยวงการฟุตบอลไทยให้แข็งแรงต่อไป"
ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน หัวหน้าทีมโค้ชการแข่งขัน King Power's Cup 2017 ประเทศไทย กล่าวว่า "ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคณะทำงานให้กับรายการนี้ ทำให้เรามองเห็นโอกาสที่เยาวชนไทยจะได้รับนอกจากจะเป็นเวทีที่ให้เยาวชนได้แสดงความสามารถกันแล้ว เรายังได้เห็นการมอบโอกาสที่คิง เพาเวอร์และผู้สนับสนุนให้กับเยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการต่อยอดให้วงการฟุตบอลไทยในอนาคต"
มร.อลิสเตอร์ ฮีท (Mr. Alistair Heath) หัวหน้าผู้ฝึกสอนเยาวชน Fox Hunt เลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า "สิ่งแรกที่น้องๆ ทั้ง 10 คนจะต้องเตรียมตัวก่อนเดินทางไปประเทศอังกฤษ น้องๆ ต้องเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้านทั้งร่างกาย จิตใจ และความพร้อมในเรื่องของภาษา ซึ่งถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษ น้องๆ จะได้ร่วมฝึกกับพี่ๆ FOX HUNT 2 การฝึกของเราจะมีมาตรฐานทุกคนจะต้องปฎิบัติตามเหมือนกันหมด การมีวินัยถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นมาก"
สำหรับโครงการ Fox Hunt รุ่น 3 มีผู้สนับสนุนหลักที่ร่วมสานฝันให้เยาวชนไทย ได้แก่ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน), บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัดบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน), สายการบินแอร์เอเชีย, บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน), บริษัท โรงงานฟุตบอลล์ไทย สปอร์ตติ้งกู๊ดส์ จำกัด (เอฟบีที)
10 นักเตะที่ผ่านเข้าสู่โครงการ ฟ็อกซ์ฮันท์ รุ่น 3
1. คณพศ กาดี โรงเรียนโพธินิมิตวิทยาคม (ผู้รักษาประตู หมายเลข 2)
2. ฟารีด ชูรุ่ง อบจ.สงขลาพิทยานุสรณ์ (กองหลัง หมายเลข 9)
3. ชินวัตร ชีมุล โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร (กองหน้า หมายเลข 32)
4. ศิริมงคล รัตนภูมิ โรงเรียนเทศบาลวัดจอมคีรีนาคพรต (กองกลาง หมายเลข 16)
5. ฐิติพันธ์ เอกศริ โรงเรียนโพธินิมิตวิทยาคม (กองกลาง หมายเลข 20)
6. บริบูรณ์ น้อยศรี โรงเรียนเทพศิรินทร์เชียงใหม่ (กองหลัง หมายเลข 11)
7. พิรชัช กุลลประภา โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน (กองกลาง หมายเลข 21)
8. ทักษ์ดนัย ใจหาญ โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (กองหน้า หมายเลข 27)
9. อภิวัฒน์ ไพรสน โรงเรียนเทศบาลวัดจอมคีรีนาคพรต (กองหน้า หมายเลข 33)
10. วรโชติ เรืองรำหัส โรงเรียนเทศบาลวัดจอมคีรีนาคพรต (กองกลาง หมายเลข 35)
โครงการ FOX HUNT เริ่มตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นโครงการที่ส่งเสริมศักยภาพของเยาวชนไทยให้ก้าวไกลสู่เวทีโลก โดยเปิดโอกาสให้นักเตะเยาวชนไทยได้มีโอกาสไปฝึกที่เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเป็น 1 ใน 10 ศูนย์ฝึกที่ดีที่สุดของประเทศอังกฤษ สำหรับน้องเยาวชนที่ได้รับการคัดเลือกจะได้รับทุนการศึกษามูลค่า 15 ล้านบาทต่อคน เพื่อศึกษาและเรียนรู้ทักษะฟุตบอลแบบมืออาชีพ กับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ พร้อมเข้าศึกษาระดับไฮสคูลที่ Ratcliffe College ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนชั้นนำในเมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 2 ปีครึ่ง